(1).jpg)
คำฟ้องสัญญากู้เงินสินเชื่อโครงการธนาคารประชาชน (ธนาคารออมสิน) จะมีเนื้อหาไม่ต่างไปจากคำฟ้องดังต่อไปนี้
ธนาคารออมสิน
ระหว่าง
นาย จ. กับพวกรวม ๓ คน
เรื่อง กู้ยืม , ค้ำประกัน
จำนวนทุนทรัพย์ ๑๐๘,๗๕๐ บาท ๙๓ สตางค์
ข้อ ๑. โจทก์เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน พ.ศ. ๒๔๘๙ มีวัตถุประสงค์ในการรับฝากเงิน ลงทุนแสวงหาประโยชน์ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอนุญาต ประกอบการธนาคารรวมทั้งการให้กู้ยืมเงินอันเป็นธุรกิจหนึ่งของโจทก์ โดยมีผู้อำนวยการเป็นผู้บริหารธนาคารในฐานะผู้จัดการและเป็นผู้แทนของโจทก์ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก นอกจากนี้โจทก์ก็ยังได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรอีกด้วย รายละเอียดปรากฏตามสำเนาพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน พ.ศ.๒๔๘๙ และสำเนาพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ (เอกสารท้ายฟ้องหมาย ๑ – ๒)
โจทก์มีทนาย ธ.รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส เป็นผู้รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสินและเป็นผู้แทนของโจทก์ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือคำสั่งธนาคารออมสิน เรื่องแต่งตั้งผู้รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน (เอกสารท้ายฟ้องหมาย ๓)
นาย ธ. ในฐานะผู้รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ได้มอบอำนาจให้นาง ร. ผู้อำนวยการธนาคารออมสินภาค ๓ เป็นผู้มีอำนาจฟ้องร้องและดำเนินคดีแทนโจทก์ และมีอำนาจมอบอำนาจช่วงได้ด้วย รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจ (เอกสารท้ายฟ้องหมาย ๔)
ต่อมานาง ร. ได้มอบอำนาจให้ นาง ย. ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เขตมหาดไทย เป็นผู้มีอำนาจฟ้องร้องและดำเนินคดีแทนโจทก์ และมีอำนาจมอบอำนาจช่วงได้ด้วย รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจ (เอกสารท้ายฟ้องหมาย ๕)
ในการฟ้องคดีนี้ โจทก์โดยนาง ย. ได้มอบอำนาจช่วงให้นางสาว ข. หรือนาย ส. หรือนาย จ. หรือนาย ส. หรือนาย ต. เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดีแทนโจทก์ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจ (เอกสารท้ายฟ้องหมาย ๖)
ธนาคารออมสินสาขาบางลำภูบน เป็นสาขาตัวแทนของโจทก์ มีอำนาจหน้าที่ในการรับฝากเงิน ให้สินเชื่อประเภทต่างๆ รวมทั้งให้สินเชื่อโครงการธนาคารประชาชนด้วย โดยมีผู้จัดการสาขาเป็นผู้บริหารบังคับบัญชา และได้รับมอบหมายจากโจทก์ให้เป็นผู้พิจารณาคำขอกู้ อนุมัติให้กู้เงิน ทำสัญญากู้เงิน จ่ายเงินกู้ และการอื่นๆที่เกี่ยวข้องแทนโจทก์
ข้อ ๒. เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ จำเลยที่ ๑ ได้กู้เงินประเภทสินเชื่อโครงการธนาคารประชาชนไปจากโจทก์ ณ ธนาคารออมสินสาขาบางลำภูบน เป็นจำนวนเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท โดยจำเลยที่ ๑ ได้รับเงินกู้จำนวนดังกล่าวไปครบถ้วนแล้ว และยินยอมเสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ในอัตราคงที่ร้อยละ ๑.๐๐ ต่อเดือน ตกลงจะชำระต้นเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์เป็นงวดรายเดือนไม่น้อยกว่างวดละ ๑,๙๐๓.๐๐ บาท กำหนดชำระภายในวันที่ ๒ ของทุกเดือน เริ่มชำระงวดแรกตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๔๗ เป็นต้นไป และจำเลยที่ ๑ จะชำระหนี้ตามสัญญาให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๐ แต่ทั้งนี้ไม่เป็นการตัดสิทธิของโจทก์ที่จะเรียกให้จำเลยที่ ๑ ชำระหนี้ตามสัญญาทั้งหมด หรือแต่บางส่วนก่อนกำหนดได้ หากจำเลยที่ ๑ ผิดนัดงวดหนึ่งงวดใด หรือผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด ให้ถือว่าจำเลยที่ ๑ ผิดนัดทั้งหมดและยินยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดในอัตราดอกเบี้ยในกรณีผิดนัดตามประกาศของโจทก์ นับแต่วันผิดนัดเรื่อยไปจนกว่าจำเลยที่ ๑ จะชำระหนี้คืนโจทก์แล้วเสร็จ
สำหรับการคิดคำนวณดอกเบี้ยนั้น จำเลยที่ ๑ ตกลงชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ตามที่โจทก์ประกาศกำหนด และไม่เป็นการตัดสิทธิของโจทก์ที่จะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในระหว่างสัญญากู้ได้ และถ้าโจทก์ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว จำเลยที่ ๑ ยินยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยตามที่โจทก์ประกาศบังคับใหม่ได้ทันที่โดยไม่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้จำเลยที่ ๑ ทราบ และบรรดาหนังสือติดต่อทวงถามหรือหนังสืออื่นใด หากได้ส่งไปยังภูมิลำเนาของจำเลยที่ ๑ ตามสัญญากู้ ให้ถือว่าได้ส่งให้แก่จำเลยที่ ๑ โดยชอบแล้ว โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมีผู้รับไว้หรือไม่ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาสัญญากู้เงิน (เอกสารท้ายฟ้องหมาย ๗)
ข้อ ๓. ในวันเดียวกันกับวันที่จำเลยที่ ๑ ทำสัญญากู้เงินไปจากโจทก์ดังกล่าวในข้อ ๒. จำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ ได้ยอมผูกพนตนเข้าค้ำประกันหนี้เงินกู้ของจำเลยที่ ๑ โดยยินยอมรับผิดต่อโจทก์อย่างลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ ๑ หากจำเลยที่ ๑ ผิดนัดชำระหนี้ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ จำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ จะชำระหนี้ตามสัญญากู้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน และหากโจทก์ผ่อนเวลาหรือผ่อนจำนวนเงินในการชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ ๑ ให้ถือว่าจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ ได้ตกลงยินยอมด้วยทุกครั้งไป และบรรดาหนังสือติดต่อทวงถามหรือหนังสืออื่นใด หากได้ส่งไปยังภูมิลำเนาของจำเลยที่ ๒ และ จำเลยที่ ๓ ตามสัญญาค้ำประกัน ให้ถือว่าได้ส่งให้แก่จำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ โดยชอบแล้ว โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมีผู้รับไว้หรือไม่ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาสัญญาค้ำประกัน (เอกสารท้ายฟ้องหมาย ๘)
ข้อ ๔. หลังจากที่จำเลยที่ ๑ ได้กู้เงินและได้รับเงินกู้ไปจากโจทก์ดังกราบเรียนต่อศาลมาข้างต้น ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ ผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามกำหนด ครั้งสุดท้ายจำเลยที่ ๑ ชำระหนี้ให้แก่โจทก์เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๔๗ เป็นจำนวนเงิน ๑,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นการชำระหนี้ย้อนหลังบางส่วนของงวดวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๔๗ โดยในวันชำระหนี้ครั้งสุดท้ายดังกล่าวจำเลยที่ ๑ ยังคงค้างชำระต้นเงินอยู่เป็นเงิน จำนวน ๔๓,๓๐๙.๘๑ บาท หลังจากนั้นจำเลยที่ ๑ ก็ผิดนัดเรื่อยมา จนล่วงเลยกำหนเวลาชำระต้นเงินคืนแล้ว จำเลยที่ ๑ ก็มิได้จัดการชำระหนี้ให้เป็นที่เรียบร้อยแต่อย่างใด ดังนั้นจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ ในฐานะผู้ค้ำประกัน จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์อย่างลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ ๑ ด้วย และก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้มีหนังสือทวงถามไปยังภูมิลำเนาตามสัญญาและหรือ ภูมิลำเนาในปัจจุบันของจำเลยทั้งสาม แต่ส่งให้แก่จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๓ ไม่ได้ ส่วนจำเลยที่ ๒ ได้รับไว้โดยชอบแล้ว รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือทวงถาม สำเนาซองจดหมายส่งคืนผู้ฝากส่ง และสำเนาใบตอบรับในประเทศ (เอกสารท้ายฟ้องหมาย ๙ – ๑๒) แต่จำเลยทั้งสามก็ชำระหนี้ให้แล้วเสร็จแต่อย่างใด
อนึ่ง ในการคิดดอกเบี้ยกับจำเลยทั้งสามนั้น โจทก์คิดดอกเบี้ยไม่เกินอัตราตามประกาศกระทรวงการคลังที่ประกาศกำหนดให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในโครงการธนาคารประชาชนได้ไม่เกินร้อยละ ๒๕ ต่อปี ต่อมาโจทก์ได้ประกาศกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ร้อยละ ๑.๐๐ ต่อเดือน และดอกเบี้ยกรณีผิดนัดในอัตราร้อยละ ๑.๕๐ ต่อเดือน รายละเอียดปรากฏตามสำเนาประกาศกระทรวงการคลัง และสำเนาประกาศธนาคารออมสิน (เอกสารท้ายฟ้องหมาย ๑๓ – ๑๔)
ข้อ ๕. การกระทำของจำเลยทั้งสามทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยทั้งสามจึงต้องร่วมกันชำระต้นเงินจำนวน ๔๓,๓๐๙.๘๑ บาทให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยค้างและดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ ๑.๕๐ ต่อเดือน นับแต่วันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๔๗ ซึ่งเป็นวันผิดนัดเรื่อยไปจนกว่าจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วเสร็จ คิดถึงวันฟ้องจำเลยทั้งสามค้างชำระดอกเบี้ยจำนวน ๕๕,๔๔๑.๑๒ บาท ปรากฏตามสำเนารายละเอียดการคำนวณดอกเบี้ยเพื่อฟ้องและสำเนารายการผ่อนชำระหนี้การคิดคำนวณดอกเบี้ย (เอกสารท้ายฟ้องหมาย ๑๕ – ๑๖)
รวมต้นเงินและดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงินที่จำเลยทั้งสามต้องร่วมกันชำระให้แก่โจทก์ทั้งสิ้นจำนวน ๑๐๘,๗๕๐.๙๓ บาท ซึ่งกำหนดเป็นทุนทรัพย์ในคดีนี้
สำเนาเอกสารตามเอกสารท้ายฟ้องหมาย ๑ – ๑๖ โจทก์ขอถือเป็นการส่งสำเนาเอกสารต่อศาลและคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งด้วย โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับจำเลยทั้งสามได้ จึงต้องฟ้องคดีนี้เพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
คำขอท้ายฟ้องคดีผู้บริโภค
ขอศาลโปรดออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้
๑. ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันและแทนกันชำระเงินจำนวน ๑๐๘,๗๕๐.๙๓ บาท (หนึ่งแสนแปดพันเจ็ดร้อยห้าสิบบาทเก้าสิบสามสตางค์) พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑.๕ ๐ต่อเดือนของต้นเงินจำนวน ๔๓,๓๐๙.๘๑ บาท (สี่หมื่นสามพันสามร้อยเก้าบาทแปดสิบเอ็ดสตางค์) นับถัดจากฟ้องเรื่อยไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
๒. ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันและแทนกันชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์
๓. .........................
๔. .........................
ข้าพเจ้ายื่นมาพร้อมสำเนาโดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย สาม ฉบับและรอฟังคำสั่งอยู่หากไม่รอถือว่าทราบแล้ว
ธนาคารออมสิน..........โจทก์
ข้าพเจ้า เจ้าพนักงานคดี/ผู้บันทึก
ข้าพเจ้า นาย ส. ทนายความ ใบอนุญาตเลขที่...../๒๕๓๙ ผู้เรียง/พิมพ์
นาย ส. ผู้เรียง/พิมพ์
ตัวอย่างคดีกู้เงินสินเชื่อโครงการธนาคารประชาชน (ธนาคารออมสิน)
เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ธนาคารออมสิน (โครงการสินเชื่อธนาคารประชาชน) ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ ๑ (ผู้กู้) จำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ (ผู้ค้ำประกัน) เป็นคดีผู้บริโภค ที่ศาลจังหวัดพระโขนง คดีหมายเลขดำที่ ผบ.๓๘๘๐/๒๕๕๕ เรื่อง กู้ยืม ค้ำประกัน ขอให้ชำระเงินต้นจำนวน ๔๓,๓๐๙.๘๑ บาท ดอกเบี้ยผิดนัดจำนวน ๖๕,๔๔๑.๑๒ บาท รวมเงินทั้งสิ้น ๑๐๘,๗๕๐.๙๓ บาท
ศาลนัดพิจารณาไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยานในวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๐๐ น.
เราได้รับการติดต่อจากจำเลยเพื่อเรียงคำให้การสู้คดีเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ เราจึงได้จัดเตรียมเอกสารให้จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๓ เพื่อยื่นคำคู่ความต่อสู้คดีต่อศาลดังนี้ (๑) คำให้การจำเลยที่ ๑ , (๒) คำให้การจำเลยที่ ๓ (๓) คำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นข้อกฎหมาย (๓) บัญชีพยานจำเลยที่ ๑ , (๔) บัญชีพยานจำเลยที่ ๓ (๕) ใบมอบฉันทะจำเลยที่ ๓ โดยเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ จำเลยที่ ๑ได้ไปยื่นคำคู่ความดังกล่าวต่อศาลจังหวัดพระโขนงด้วยตนเอง การยื่นคำให้การต่อสู้คดีดังกล่าวเป็นการตั้งประเด็นข้อกฎหมายที่เป็นข้อชี้ขาดผลคดีว่าชนะหรือแพ้แล้ว
ในวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันนัดไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยาน จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๓ ขาดนัดพิจารณา ปรากฏว่าโจทก์แถลงขออนุญาตเลื่อนไปนัดสืบพยานในนัดหน้า ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เวลา ๙.๐๐ น.
เมื่อถึงวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ศาลได้จดรายงานกระบวนพิจารณา ดังนี้
นัดสืบพยานโจทก์ หรือทำยอมวันนี้ ทนายโจทก์มาศาล ส่วนจำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล
ทนายโจทก์แถลงว่า คดีนี้เป็นหนี้ที่อาจกำหนดจำนวนเงินได้แน่นอน จึงขอส่งเอกสารแทนการสืบพยาน จำนวน ๑๗ ฉบับ แล้วทนายโจทก์แถลงหมดพยานเพียงเท่านี้
พิเคราะห์คำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้เป็นจำนวนแน่นอน จึงอนุญาตให้โจทก์ส่เอกสารแทนการสืบพยานศาลรับไว้หมาย จ. ๑ ถึง จ.๑๗ เอกสารให้รวมสำนวนไว้
คดีเสร็จการพิจารณาให้รอฟ้งคำพิพากษาวันนี้
ศาลพิพากษาว่า พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาะรรมเนียมเป็นพับ เป็นดคีหมายเลขแดงที่ ๓๒๘/๒๕๕๖
หากท่านถูกฟ้องเป็นคดีดังเนื้อความข้างต้น และท่านประสงค์จะให้เราสู้คดีให้ท่าน ขอให้ท่านแจ้งข้อมูลเบื้องต้นให้เราทราบดังนี้
(๑)การชำระหนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไร?
(๒)โจทก์ฟ้องเมื่อไร?
(๓)ศาลนัดเมื่อไร?
ท่านสามารถส่งข้อมูลกู้เงินสินเชื่อโครงการธนาคารประชาชน (ธนาคารออมสิน) เบื้องต้นให้เราตามแบบฟอร์มด้านล่างนี้
.jpg)