เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๔ บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) ได้ทำสัญญาซื้อขายบัญชีลูกหนี้ซึ่งเป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับธุรกิจสินเชื่อรวมทั้งภาระแห่งหนี้ให้แก่ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) รวมทั้งสิ้น ๓๗,๐๓๘ รายเป็นมูลหนี้จำนวน ๘๑๖,๗๕๒.๗๐๗.๑๕ บาท ผลจากการซื้อขายดังกล่าวทำให้บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับหนี้ทั้งปวง ดังนั้นลูกหนี้ทั้ง ๓๗,๐๓๘ รายคงต้องถูกฟ้องดำเนินคดีแน่นอน
เราขออาสาเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะต่อสู้คดีสัญญาสินเชื่อเงินสดอีซี่บายให้ท่าน
คำฟ้องคดีสัญญาสินเชื่อเงินสดอีซี่บายจะมีเนื้อหาไม่ต่างจากคำฟ้องดังต่อไปนี้
บริษัท จี เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) โจทก์
ระหว่าง
นาย บ.
เรื่อง ผิดสัญญายืมเงิน , เรียกให้ชำระหนี้
จำนวนทุนทรัพย์ ๗๒,๗๙๙ บาท ๗๙ สตางค์
ข้อ ๑. เดิมโจทก์มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายประเภทบริษัท จำกัด ชื่อ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๕ โจทก์จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน จำกัด ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด ชื่อ บริษัท จี เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ทะเบียนเลขที่ ๐๑๐๗๕๕๕๐๐๐๐๗๔ ประกอบธุรกิจทางด้านกฎหมาย รวมถึงซื้อ จัดหาและจัดการโดยประการอื่นซึ่งทรัพย์สินใดๆตลอดจนดอกผลของทรัพย์สินรวมทั้งเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์โดยมีกรรมการของบริษัทจำนวน ๗ คน จำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัทได้คือกรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท รายละเอียดปรากฏตามสำนาหนังสือรับรองของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑
ในการฟ้องร้องและดำเนินคดีนี้ นางสาว ล.และนาย ป. กรรมการผู้มีอำนาจได้มอบอำนาจให้นาย ป.เป็นผู้มีอำนาจดำเนินการฟ้องคดีและหรือให้การต่อสู้คดีต่างๆแทนโจทก์ได้ทุกกรณีตลอดถึงมีอำนาจแต่งตั้งทนายความ รวมทั้งมีอำนาจมอบอำนาช่วงให้ผู้รับมอบอำนาจช่วงดำเนินคดีแทนโจทก์ได้ทุกกรณี ตลอดถึงมีอำนาจแต่งตั้งทนายความ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจช่วง เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๒
ต่อมาโจทก์โดยนาย ป. ในฐานะผู้รับมอบอำนาจได้มอบอำนาจช่วงให้ นางสาว ผ. เป็นผู้รับมอบอำนาจช่วงให้เป็นผู้มีอำนาจฟ้อร้องคดีและดำเนินคดีนี้แทนโจทก์ รวมถึงให้มีอำนาจแต่งตั้งทนายความ รายะเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจช่วง เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๓
บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภท บริษัทจำกัด (มหาชน) เดิมใช้ชื่อว่า “บริษัท สยาม เอ แอนด์ ซี จำกัด ต่อมาได้จดทะเบียนเป็นบริษัท (มหาชน) จำกัด และเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน)” มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการ กู้ หรือให้กู้ยืมเงิน หรือให้สินเชื่อทางการค้า หรือบัตรเครดิตด้วยวิธีอื่นโดยมีหรือไม่มีหลักประกันรวมถึง รับ ออก โอน และรวมทั้งการรับรองหนี้เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์มีกรรมการของบริษัทจำนวน ๑๒ คน จำนวนชื่อและกรรมการซึ่งมีอำนาจลงลายมือชื่อคือโดยมีนาย ม. ประธานกรรมการลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท หรือ นาย ท.ลงลายมือชื่อร่วมกับ นาย น. พร้อมประทับตราสำคัญของบริษัท รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่าย หนังสือรับรองของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๔
บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) ได้ทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินเกี่ยวกับธุรกิจสินเชื่อรวมทั้งภาระแห่งหนี้ในคดีนี้ให้แก่ บริษัท จี เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ผลจากการซื้อขายดังกล่าวทำให้โจทก์ได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับหนี้ทั้งปวงตลอดจนการรับชำระหนี้รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือสัญญาซื้อขายทรัพย์สินและหนังสือสัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๕ และ ๖
ข้อ ๒. จำเลยเป็นหนี้โจทก์ในมูลหนี้ทั้งหมดที่จำเลยมีอยู่กับบริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) ดังนี้ กล่าวคือ เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ จำเลยได้สมัครสินเชื่อเงินสดสัญญาเลขที่ ๓๙๖๘-๐๐๑-๐๐๐๙๙---- โดยบริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อให้จำเลยในวงเงินจำนวน ๖๐,๐๐๐ บาท และจำเลยได้รับเงินกู้เป็นเงินสดไปเรียบร้อยแล้วในวันทำสัญญาและจำเลยตกลงว่าจะปฏิบัติตามรายละเอียดข้อตกลงและเงื่อนไขในสัญญาทุกประการ
ในการกู้ยืมครั้งนี้ จำเลยตกลงยินยอมให้ บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) คิดค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินในอัตราร้อยละ ๑.๘๕ ต่อเดือน และจำเลยตกลงให้คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๐.๙๓ ต่อเดือน ซึ่งจำเลยตกลงชำระเงินค่างวด โดยแบ่งชำระออกเป็นงวดรายเดือน โดยกำหนดชำระงวดแรกในวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๔๘ และงวดต่อไปทุกวันที่ ๒ ของเดือนถัดไปทุกๆเดือน ในอัตราขั้นต่ำงวดละ ๒,๓๐๐ บาทโดยจำเลยตกลงจะปฏิบัติตามเงื่อนไขและจำชำระเงินให้แก่บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) ให้ครบถ้วนตามสัญญาสินเชื่อเงินสด หากจำเลยไม่ผ่อนชำระงวดหนึ่งงวดใดทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) ตามจำนวนเงินและระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาสินเชื่อเงินสด บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) มีสิทธิคิดเบี้ยปรับของเงินค่างวดนั้นในอัตราร้อยละ ๓ บาทต่อเดือน ทั้งนี้หากจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้งวดใดงวดหนึ่งหรือผิดนัดชำระเงินจำนวนอื่นใดที่ต้องชำระตามสัญญาสินเชื่อเงินสดให้ถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา ให้บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมต่างๆและเงินอื่นใดในอัตราที่โจทก์กำหนดได้โดยพลัน รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบสมัครสินเชื่อเงินสดและสัญญาสินเชื่อพร้อมใบรับเงินกู้ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๗
ข้อ ๓. นับแต่จำเลยได้ทำสัญญาสินเชื่อเงินสดและรับเงินจากบริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) จำเลยได้ชำระค่างวดเงินกู้คืนให้แก่บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) รวมจำนวน ๑๐ งวด (งวดที่ ๑ ถึงงวดที่ ๑๐) และงวดที่ ๑๒ รวมเป็นเงินที่ชำระทั้งสิ้นจำนวน ๒๗,๖๘๑.๐๐ บาท ซึ่งโจทก์ได้นำมาหักค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน , อัตราดอกเบี้ยต่อเดือน , ค่าเบี้ยปรับและเงินต้นและจำเลยก็ไม่ชำระหนี้ค่าเงินกู้ให้แก่บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) อีกเลยนับแต่ค่างวดเงินกู้งวดที่ ๑๓ คืองวดประจำวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๔๙ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน การกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาสินเชื่อเงินสดนับตั้งแต่งวดที่ ๑๓ คือวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๔๙ ภายหลังจากนั้นจำเลยไม่เคยชำระคืนให้แก่โจทก์อีกเลยเรื่อยมาจนครบอายุสัญญาสินเชื่อเงินสดดังกล่าว รายละเอียดปรากฏตามสำเนาใบแจ้งยอดหนี้ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๘
ข้อ ๔. ต่อมาโจทก์ได้ติดต่อทวงถามหลายครั้งแต่จำเลยยังคงเพิกเฉยไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์แต่อย่างใด โจทก์ได้มีหนังสือบอกล่าวการโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างโจทก์กับบริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) แจ้งให้จำเลยทราบพร้อมกับหนังสือบอกล่าวทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ภายในกำหนดเวลา หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวสัญญาสินเชื่อเงินสดเป็นอันเลิกกัน รายละเอียดปรากฏตามหนังสือแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องพร้อมใบตอบรับของบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๙ และ ๑๐ ตามลำดับ
ข้อ ๕. การกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิบริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) ของโจทก์และทำให้โจทก์ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องได้รับความเสียหายจำเลยมีหน้าที่รับผิดชำระหนี้ดังกล่าว กล่าวคือ จำเลยต้องรับผิดใช้ต้นเงินจำนวน ๓๗,๖๒๓.๙๖ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวโดยเริ่มคิดตั้งแต่วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๔๙ จนถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕) รวมเป็นเวลา ๒,๒๗๕ วันเป็นดอกเบี้ยผิดนัดจำนวน ๓๕,๑๗๕.๘๓ บาท รวมต้นเงินและดอกเบี้ยทั้งสิ้นจำนวน ๗๒,๗๙๙.๗๙ บาทซึ่งโจทก์ขอถือเอาเป็นทุนทรัพย์ในการฟ้อง รายละเอียดปรากฏตามตารางคำนวณยอดหนี้ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑๑
โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับจำเลยให้มาชำระหนี้ได้ จึงต้องฟ้องร้องเป็นคดีต่อศาล เพื่อขอพึ่งบารมีศาลบังคับจำเลยต่อไป
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
คำขอท้ายฟ้องคดีผู้บริโภค
ขอศาลโปรดออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้
๑. ให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๗๒,๗๙๙.๗๙ บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีของต้นเงินจำนวน ๓๗,๖๒๓.๙๖ บาทนับถัดจากฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น
๒. ให้จำเลยกระทำการหรืองดเว้นกระทำการ.....
๓. ให้จำเลยส่งมอบสิ่งของ.....
๔. อื่นๆ ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความอย่างสูงแทนโจทก์
ข้าพเจ้ายื่นมาพร้อมสำเนาโดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย หนึ่ง ฉบับและรอฟังคำสั่งอยู่หากไม่รอถือว่าทราบแล้ว
..........โจทก์
ข้าพเจ้า เจ้าพนักงานคดี/ผู้บันทึก
ข้าพเจ้า นางสาว ผ. ทนายความใบอนุญาตเลขที่...../๒๕๔๙ ผู้เรียง/พิมพ์
นางสาว ผ. ผู้เรียง/พิมพ์
ตัวอย่างคดีที่เราได้จัดเตรียมเอกสารให้เพื่อสู้คดีสัญญาสินเชื่อเงินสดอีซี่บาย
เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ซึ่งซื้อบัญชีหนี้มาจาก บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย (ผู้กู้) เป็นคดีผู้บริโภค ที่ศาลจังหวัดนครนายก คดีหมายเลขดำที่ ผบ.๔๓๖/๒๕๕๕ เรื่อง ผิดสัญญากู้ยืมเงิน เรียกให้ชำระหนี้ ขอให้ชำระเงินต้นจำนวน ๓๗,๖๒๓.๙๖ บาท ดอกเบี้ยผิดนัดจำนวน ๓๕,๑๗๕.๘๓ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๗๒,๗๙๙.๗๙ บาท
ศาลนัดพิจารณาไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยานในวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๐๐ น.
เราได้จัดเตรียมเอกสารให้จำเลยเพื่อยื่นคำคู่ความต่อสู้คดีต่อศาลดังนี้ (๑) คำให้การจำเลย , (๒) คำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นข้อกฎหมาย และ (๓) บัญชีพยานจำเลย โดยเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๕ (วันนี้) จำเลยได้ไปยื่นคำคู่ความดังกล่าวต่อศาลจังหวัดนครนายกด้วยตนเอง การยื่นคำให้การต่อสู้คดีดังกล่าวเป็นการตั้งประเด็นข้อกฎหมายที่เป็นข้อชี้ขาดผลคดีว่าชนะหรือแพ้แล้ว ซึ่งหลังจากนี้ก็เพียงแต่รอถึงวันนัดพิจารณาคดีของศาล
คดีนี้ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๕ ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๑๐๔๐/๒๕๕๕
หากท่านถูกฟ้องเป็นคดีดังเนื้อความข้างต้น หากท่านประสงค์จะให้เราสู้คดีสัญญาสินเชื่อเงินสดอีซี่บายให้ท่าน ขอให้ท่านแจ้งข้อมูลเบื้องต้นให้เราทราบดังนี้
(๑)การชำระหนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไร?
(๒)โจทก์ฟ้องเมื่อไร?
(๓)ศาลนัดเมื่อไร?