เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ ๑ (ผู้กู้) และจำเลยที่ ๒ (ผู้ค้ำประกัน) เป็นคดีผู้บริโภคที่ศาลแขวงดุสิต คดีหมายเลขดำที่ ผบ.๒๓๑๕/๒๕๕๕ เรื่อง ผิดสัญญากู้ยืมเงิน ค้ำประกันและเรียกเบี้ยปรับ ขอให้ชำระเงินต้นจำนวน ๑๒,๐๐๐ บาทและเบี้ยปรับจำนวน ๒๓,๑๑๓.๙๗ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓๕,๑๑๓.๙๗ บาท
ศาลนัดให้จำเลยทั้งสองไปศาลเพื่อการไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยานในวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๖ เวลา ๙.๐๐ น.
เราได้จัดเตรียมเอกสารให้จำเลยทั้งสองเพื่อยื่นคำคู่ความต่อสู้คดีต่อศาลดังนี้ (๑) คำให้การจำเลยที่ ๑ , (๒) คำให้การจำเลยที่ ๒ , (๓) คำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นข้อกฎหมาย , (๔) บัญชีพยานจำเลยที่ ๑ , (๕) บัญชีพยานจำเลยที่ ๒ และ (๖) ใบมอบฉันทะจำเลยที่ ๒ โดยจำเลยที่ ๑ ได้ไปยื่นคำให้คู่ความดังกล่าวต่อศาลแขวงดุสิตด้วยด้วยตนเองในวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๖ โดยยื่นเฉพาะเอกสารของจำเลยที่ ๑ เท่านั้น
เมื่อถึงวันนัดพิจารณาวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๖ เวลา ๙.๐๐ น. จำเลยทั้งสองไม่ได้ไปศาล เพราะได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีโดยตั้งประเด็นที่เป็นข้อชี้ขาดผลคดีว่าชนะหรือแพ้แล้ว ในวันนัดพิจารณาคดีดังกล่าวศาลมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณาและให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เวลา ๙.๐๐ น. โจทก์นำพยานเข้าสืบฝ่ายเดียว คดีเสร็จการพิจารณา
ในวันดังกล่าว ศาลพิพากษาว่า ยกฟ้องค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ผบ.๓๓๔/๒๕๕๖