หน้าหลัก | เกี่ยวกับเรา | ปรึกษากฎหมายฟรี | ค่าทนายความ | คำถามที่พบบ่อย | ติดต่อเรา |
ปัญหาการแจ้งเกิดให้บุตร | |
สวัสดีค่ะ ดิฉันมีปัญหาที่หนักอก ไม่รู้จะปรึกษาใครดี คือเรื่องมีอย่างนี้ค่ะ ดิฉันกับลูกสาวอายุสองขวบเจ็ดเดือนถูกฝ่ายชายซึ่งเป็นชาวต่างชาติ สัญชาติอิตาลีทิ้งไม่ใส่ใจรับผิดชอบ คบกันสี่ปีโดยมิได้จดทะเบียนสมรถ ดิฉันทำงานสุจริตค่ะมิใช่หญิงบริการ เมื่อตอนที่ดิฉันคลอดลูกสาวที่โรงพยาบาลสามชุก จังหวัดสุพรรณโดยที่ฝ่ายชายทราบแต่มิได้สนใจมาที่โรงพยาบาล ดิฉันขอเอกสารพาสปอต์เพื่อที่จะแจ้งแก่ทางโรงพยาบาลว่าเป็นพ่อของเด็กแต่ฝ่ายชายบ่ายเบี่ยงบอกว่างานยุ่งไม่สามารถส่งแฟกซ์ให้ได้ (ฝ่ายชายอาศัยคอนโดมิเนียมอยู่ที่พัทยา และอาศัยอยู่ในเมืองไทย) ดิฉันจึงบอกกับทางโรงพยาบาลว่าฝ่ายชายไม่สามารถส่งแฟ็กซ์เอกสารฟาสปอต์ให้ได้ ทางโรงพยาบาลจึงบอกว่าให้รีบนำเอกสารมาให้กับทางโรงพยาบาลเพื่อออกสูติบัติให้แก่เด็ก โดยให้เวลาสองอาทิตย์จนเวลาฝ่านไปดิฉันก็ยังมิได้เอกสารจากพ่อของเด็ก ซึ่งฝ่ายชายบ่ายเบี่ยงว่าต้องการนำเอกสารมาให้กับทางโรงพยาบาลเอง แต่ก็มิได้มาซึ่งอ้างว่ามีธุระยุ่งตลอดเวลาฝ่านไปสองเดือน เค้าบอกว่าไม่มั่นใจว่าเด็กใช่ลูกของเค้า ดิฉันจึงบอกว่างั้นตรวจ ดีเอ็นเอ ฝ่ายชายตอบตกลง แต่พอถึงกำหนดนัดฝ่ายชายกลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมาพบอ้างว่างานยุ่งฝ่ายชายพบกับลูกของดิฉันครั้งแรกเมื่อเวลาฝ่านไปห้าเดือน ซึ่งเด็กยังไม่มีสูติบัติ และติดต่อพบกันเรื่อยมา แต่มิได้ใส่ใจที่จะนำเอกสารฟาสปอต์ให้แก่ดิฉัน ตัวดิฉันตัดสินใจที่จะแจ้งกับโรงพยาบาลได้ใช้ซื่อดิฉันแต่เพียงผู้เดียว แต่พอทราบว่าต้องระบุว่าถูกข่มขืนถึงจะออกสูติบัติให้แก่เด็กได้. เพราะไม่มีเอกสารพ่อของเด็ก ดิฉันไม่สามารถยอมรับได้จึงมิได้สูติบัติให้แก่ลูกสาว จนเมื่อเดือนพฤศจิกายน ดิฉันติดต่อฝ่ายชายแต่ตัดสายทิ้งไม่ยอมรับสาย ดิฉันจึงไปที่พัทยาไปที่คอนโดที่ฝ่ายชายพักอยู่ฝ่ายชายเมื่อทราบว่าดิฉันมาที่คอนโด จึงหลบหน้าไม่ยอมออกมาพบ อยากถามว่า จะต้องทำอย่างไรคะถึงจะให้ฝ่ายชายมอบหลักฐานพาสปอต์ให้ สามารถดำเนินคดีได้หรือไม่ ขณะนี้บุตรสาวของดิฉันมีอายุสองขวบแปดเดือน สายเกินไปใช่ไหมที่จะมีใบสูติบัติจากโรงพยาบาล ไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กไร้สัญชาติ จะทำยังไงกับฝ่ายชายที่ไม่รับผิดชอบทั้งที่รับรู้แต่ไม่ใส่ใจกับเลือดเนื้อของตัวเอง ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ดิฉันหวังอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบกลับ ขอบพระคุณอย่างสูง | |
ผู้ตั้งกระทู้ เจ :: วันที่ลงประกาศ 2012-02-24 14:41:51 IP : 183.88.24.181 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (3341556) | |
กรณีตามปัญหาของท่าน มีประเด็นที่ขอตอบดังนี้ (ก) ประเด็นเรื่องการฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๕๕ และ ๑๕๕๖ บัญญัติไว้ดังนี้ มาตรา ๑๕๕๕ ในคดีฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ (๑) เมื่อมีการข่มขืนกระทำชำเรา ฉุดคร่า หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังหญิงมารดาโดยมิชอบด้วยกฎหมายในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้
(๒) เมื่อมีการลักพาหญิงมารดาไปในทางชู้สาวหรือมีการล่อลวงร่วมประเวณีกับหญิงมารดาในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้
(๓) เมื่อมีเอกสารของบิดาแสดงว่าเด็กนั้นเป็นบุตรของตน
(๔) เมื่อปรากฏในทะเบียนคนเกิดว่าเด็กเป็นบุตรโดยมีหลักฐานว่าบิดาเป็นผู้แจ้งการเกิดหรือรู้เห็นยินยอมในการแจ้งนั้น
(๕) เมื่อบิดามารดาได้อยู่กินด้วยกันอย่างเปิดเผยในระยะเวลาซึ่งหญิงมารดาอาจตั้งครรภ์ได้
(๖) เมื่อได้มีการร่วมประเวณีกับหญิงมารดาในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้ และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเด็กนั้นมิได้เป็นบุตรของชายอื่น
(๗) เมื่อมีพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตร
พฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตรนั้น ให้พิจารณาข้อเท็จจริงที่แสดงความเกี่ยวข้องฉันบิดากับบุตรซึ่งปรากฏในระหว่างตัวเด็กกับครอบครัวที่เด็กอ้างว่าตนสังกัดอยู่เช่น บิดาให้การศึกษา ให้ความอุปการะเลี้ยงดูหรือยอมให้เด็กนั้นใช้ชื่อสกุลของตนหรือโดยเหตุประการอื่น
ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังกล่าวข้างต้น ถ้าปรากฏว่าชายไม่อาจเป็นบิดาของเด็กนั้นได้ ให้ยกฟ้องเสีย
มาตรา ๑๕๕๖ การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรในระหว่างที่เด็กเป็นผู้เยาว์ ถ้าเด็กมีอายุยังไม่ครบสิบห้าปีบริบูรณ์ ผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กเป็นผู้ฟ้องแทน ในกรณีที่เด็กไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม หรือมีแต่ผู้แทนโดยชอบธรรมไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ญาติสนิทของเด็กหรืออัยการอาจร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้แทนเฉพาะคดีเพื่อทำหน้าที่ฟ้องคดีแทนเด็กก็ได้
เมื่อเด็กมีอายุสิบห้าปีบริบูรณ์ เด็กต้องฟ้องเอง ทั้งนี้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรม
ในกรณีที่เด็กบรรลุนิติภาวะแล้ว จะต้องฟ้องคดีภายในหนึ่งปีนับแต่วันบรรลุนิติภาวะ
ในกรณีที่เด็กตายในระหว่างที่เด็กนั้นยังมีสิทธิฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรอยู่ผู้สืบสันดานของเด็กจะฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรก็ได้ ถ้าผู้สืบสันดานของเด็กได้รู้เหตุที่อาจขอให้รับเด็กเป็นบุตรมาก่อนวันที่เด็กนั้นตาย ผู้สืบสันดานของเด็กจะต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่เด็กนั้นตาย ถ้าผู้สืบสันดานของเด็กได้รู้เหตุที่อาจขอให้รับเด็กเป็นบุตรภายหลังที่เด็กนั้นตาย ผู้สืบสันดานของเด็กจะต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่รู้เหตุดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ต้องไม่พ้นสิบปีนับแต่วันที่เด็กนั้นตาย
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรในระหว่างที่ผู้สืบสันดานของเด็กเป็นผู้เยาว์ ให้นำความในวรรคหนึ่งและวรรคสองมาใช้บังคับโดยอนุโลม
เห็นว่า กรณีของท่านสามารถฟ้องให้บิดาของเด็กรับเด็กเป็นบุตรได้ ตามเกณฑ์ใน (๕) - (๗) โดยท่านสามารถเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมฟ้องแทนเด็กได้ ควรจะรวบรวมพยานหลักฐาน คือ ชื่อ-สกุล ที่อยู่ของบิดาเด็ก เช่น ที่ทำงาน เพราะจะได้ระบุภูมิลำเนาที่ชัดเจนของบิดาซึ่งเป็นจำเลยได้ โดยฟ้องที่ศาลเยาวชนและครอบครัวสุพรรณบุรี เนื่องจากมีทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสาร จะสะดวกในการดำเนินคดี
(ข) ประเด็นเรื่องสูติบัตรของเด็ก ขอแนะนำว่าอย่านิ่งนอนใจในเรื่องนี้ ควรจะไปติดต่อทั้งทางโรงพยาบาลและทางอำเภอเพื่อได้หลักฐานมาก่อนที่หลักฐานจะสูญหาย หรือหายากเนื่องจากวเลา โดย
การแจ้งคนเกิดโรงพยาบาล เป็นหน้าที่ของเจ้าบ้านโรงพยาบาลซึ่งได้แก่ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล หรือผู้ใดก็ตามที่มีชื่อเป็นเจ้าบ้านโรงพยาบาลนั้น เป็นผู้แจ้งการเกิดของเด็กในโรงพยาบาล ในกรณีไม่อาจแจ้งการเกิดด้วยตนเองได้ จะมอบหมายให้ผู้หนึ่งผู้ใดไปดำเนินการแจ้งการเกิดแทนก็ได้ เมื่อนายทะเบียนรับแจ้งการ เกิดและเพิ่มชื่อเด็กที่เกิดในทะเบียนบ้านของโรงพยาบาลแล้ว เจ้าบ้านโรงพยาบาล หรือผู้ได้รับมอบหมายจะแจ้งการย้ายที่อยู่ของเด็กที่เกิดออกจากโรงพยาบาลแล้วมอบสูติบัตร และใบแจ้งการย้ายที่อยู่ให้แก่ บิดา-มารดาเด็ก เพื่อนำไปแจ้งย้ายเข้าทะเบียนบ้านที่ประสงค์จะย้ายเข้าต่อไป การแจ้งเกิดเกินกำหนด | |
ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2012-02-24 21:56:37 IP : 124.120.188.54 |
[1] |
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๖๖ |
Visitors : 267011 |