หน้าหลัก | เกี่ยวกับเรา | ปรึกษากฎหมายฟรี | ค่าทนายความ | คำถามที่พบบ่อย | ติดต่อเรา |
โดนนำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปขายต่อครับ | |
สวัสดีครับคุณทนาย ผมชื่อสุรศักดิ์นะครับ ในวันที่28 ม.ค.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่จากไทยพาณิชย์ลิสซิ่งมาที่บ้านถามหารถยนต์ที่ผมซื้อมา ผมก็งงครับไม่รู้รถอะไรไปซื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ (คือผมไม่มีรถนะครับ) พอเจ้าหน้าที่พุดถึงยี้ห้อรถมาผมถึงคิดออกครับ เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อเดือน ก.ค.56 ผมเคยไปดูรถมือสองเพราะคิดว่าจะออก หลังจากคุยกับเต้นท์ก็มีเจ้าหน้าที่มาหาให้เซ้นตืเอกสารที่เขาจะเอาไปทำไฟแนนซ์ว่าผ่านหรือไม่ผ่านตอนนั้นเจ้าหน้าที่จากธนาคารบอกกับผมว่า เซนต์ชื่อไปแล้วถ้าไม่เอาก็ยกเลิกได้ครับ หลังจากนั้นเต็นท์มือสองก้เอารถมาให้ดูโดยบอกผมว่าทุกอย่างผ่านหมดแล้วรับรถได้เลย ผมเกิดอาการลังเลเพราะรถที่เขาเอามาให้ไม่ใช่รถคันที่ผมดูแต่เป็นรถรุ่นใหม่กว่านั้นเขาอ้างว่ามันราคาเท่ากันรุ่นใหม่กว่าเลยอยากให้ผมได้ ผมเลยตัดสินใจรับรถไว้โดยผมได้ถามกับเต็นท์ว่าถ้าผมไม่ถูกใจผมเอามาคืนได้ไหม ทางเต็นท์รถก็บอกไม่มีปัญหาอะไรเอาคืนมาได้เลย (จากที่เซนต์สัญญากับไฟแนนต์ไปยังไม่ได้รับการติดต่อจากไฟแนนต์กับมาเลย มีแต่ติดต่อกับเต็นท์โดยตรงครับ) พอผมเอามาลองขับดูแค่ครั้งเดียวระยะเวลาที่ครอบครองรถประมาณสองอาทิตย์ ผมสาบานได้แค่ครั้งเดียวผมรู้สึกว่ามันไม่ดีเลยตั้ดสินใจเอาไปคืน ทางเต็นท์รถก็รับไว้แต่โดยดีโดยพูดกับผมว่าไม่มีปัญหาอะไรเพราะทางไฟแนนตืก้ไม่ได้ติดต่ออะไรมา เรื่องทุกอย่างก็จบลงไปจนกระทั้งมีเจ้าหน้าที่จากไทยพาณิชย์มาที่บ้านในวันที่23 นี้แหล่ะครับ อยากถามว่า
1.ผมสามารถสู้คดีได้หรือไม่ และจะมีโอกาสชนะไหม
2.ผมสามารถฟ้องเต็นทืรถได้หรือเปล่าครับ
ผมไม่เคยได้รับใบแจ้งหนี้ ไม่เคยเห็นหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถเลย และในเอกสารเช่าซื้อที่เจ้าหน้าที่จากไทยพาณิชย์เอามาให้ดูก็เป็นทะเบียนรถคนละคันที่ผมเอามาตอนนั้น แถวเจ้าหน้าจากไทยพาณิชย์ยังบอกอีกว่า รถคันนี้มีการส่งงวดมาเกือบจะสองปีแล้วทั้งที่ตอนผมไปดุอยู่ในช่วง ก.ค.56
*ตอนนี้มีหนังสือยกเลิกสัญญาเช่าซื้อส่งมาที่บ้านบอกให้ผมเอารถไปคืนทางไฟแนนท์เองก้หารถไม่เจอเต็นท์รถเองก้ไม่รู้รถอยู่ไหน ทางธนาคารแนะนำให้ไปแจ้งความเพราะมีกรณีเดียวกันถึงสามคัน(ผมแจ้งความเรียบร้อยแล้วครับ) อยากปรึกษาคุณทนายว่าผมควรทำอย่างไรต่อไป
ขอบคุณมากครับที่รับฟังและแนะนำ
| |
ผู้ตั้งกระทู้ สุรศักดิ์ (coneza101-at-gmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2014-03-12 16:42:40 IP : 49.230.171.208 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (3456229) | |
กรณีตามคำถามของท่าน ทนายความของเราเห็นว่า ท่านสามารถสู้คดีได้ เพราะว่าโจทก์จะต้องฟ้องเป็นคดีผู้บริโภค ท่านสามารถโต้แย้งไปตามความเป็นจริง ยิ่งได้ทราบว่าเรื่องนี้มีกรณีเดียวกัน ท่านโต้แย้งได้ เพราะในทางคดีนี้ ผู้ให้บริการคือเต้นท์รถยนต์ หรือ ธนาคารก็ตามต้องเป็นผู้อธิบายปัญหา สิ่งที่จะแนะนำคือ ขอให้ท่านทบทวนเรียบเรียงข้อเท็จจริงเรื่องรถยนต์คันนี้ตามลำดับเวลาและเอกสารพยานหลักฐาน เพื่อเก็บไว้ใช้ต่อสู้คดีนี้ ท่านไม่ควรเริ่มฟ้องก่อน เพราะท่านไม่ทราบข้อเท็จจริงชัดเจน เมื่อถูกฟ้อง ท่านสามารถโต้แย้งได้ว่าอะไรคือความจริง | |
ผู้แสดงความคิดเห็น Admin ทนายความ ปรึกษากฎหมายฟรี ทนายคดีผู้บริโภค วันที่ตอบ 2014-03-12 19:36:22 IP : 110.169.201.49 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3456242) | |
ขอบคุณมากครับ เรียนถามอีกว่า 1.ขอเท็จจริงเรื่องรถยนต์ คือพูดง่ายๆต้องหาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องใช่ไหมครับ เช่น ชื่อพนักงานที่ผมเอารถไปคืน วันเวลาที่เอาไปคืน ชื่อเจ้าหน้าที่ไฟแนนท์ที่เอาสัญญามาให้เซ็น หนังสือสัญญาเช่าซื้อรถที่ทะเบียนรถมันต่างกันกับคันที่ผมเอามาใช่ไหมครับ ทั้งนี้หมายรวมถึงคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยใช่ไหมครับ 2.หนังสือยกเลิกสัญญาที่ส่งมาบอกให้ผมจ่ายให้งวดที่ค้าง3เดือนและให้เอารถไปคืนและให้ติดต่อกลับภายใน7วัน ถ้าไม่อย่างนั้นจะโดนฟ้อง เรื่องนี้ผมควรทำอย่างไรครับให้ติดต่อกลับไปหรือเพิกเฉยรอหมายศาลครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สุรศักดิ์ (coneza101-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2014-03-12 20:39:56 IP : 1.4.136.105 |
ความคิดเห็นที่ 3 (3456263) | |
กรณีตามคำถามเพิ่มเติมของท่าน ทนายความของเราเห็นว่า ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเอาเปรียบท่านนั้นกำลังใช้สิทธิที่ไม่สุจริต หลักฐานบางอย่างของท่านอาจสูญหายไป ขอให้ท่านพยายามรวมรวมเท่าที่รวบรวมได้ การติดต่อกลับไปมีผลอย่างเดียวคือเขาขอให้ท่านชำระหนี้ ซึ่งผลสุดท้ายก็เหมือนกันคือเขาต้องบังคับทางศาล เมื่อไปศาลและมีพยานหลักฐาน ถือว่ามีอาวุธที่เท่าเทียมกัน ดังนั้นสำหรับการฟ้องและการต่อสู้คดี พยานหลักฐานเท่านั้นที่จะช่วยบุคคลที่สุจริตไว้ได้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น Admin ทนายความ ปรึกษากฎหมายฟรี ทนายคดีผู้บริโภค วันที่ตอบ 2014-03-13 06:44:49 IP : 110.169.201.49 |
[1] |
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๖๖ |
Visitors : 266994 |