หน้าหลัก | เกี่ยวกับเรา | ปรึกษากฎหมายฟรี | ค่าทนายความ | คำถามที่พบบ่อย | ติดต่อเรา |
โดนฟ้องหย่า และ อำนาจปกครองบุตร | |
อยากได้คำแนะนำ รายละเอียด ขั้นตอน และข้อพึงปฏิบัติ รายละเอียดคำฟ้องมีดังนี้ครับ ข้อ 1. โจทย์และจำเลยได้อยู่กินฉันสามีภรรยาและต่อมาได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฏหมาย ณ สำนักทะเบียน อำเภอเมือง จ.xx เลขทะเบียนเลขที่ xxxxxxxx เมื่อวันที่ 30 เมย. 55 รายละเอียดดังปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบเอกสารการสมรส เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 1 หลังจากจดทะเบียนสมรสแล้วโจทย์และจำเลยได้อาศัยอยู่กินร่วมกันฉันสามีภรรยาที่บ้านมารดาของโจทย์ บ้านเลขที่ xxx xxxxxxxxxxxxxx จังหวัด xxxx ซึ่งเป็นสถานที่มูลคดีเกิด โดยโจทย์รับราชการที่ xxxx ที่อยู่ xxxx ส่วนจำเลยไม่ได้ประกอบอาชีพ ระหว่างอยู่กินร่วมกัน โจทย์และจำเลยมีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ ดญ. xxxx รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบสูติบัตร เอกสารท้ายคำฟ้อง หมายเลขที่ 2 ระหว่างอยู่กินร่วมกันโจทย์และจำเลยไม่มีทรัพย์สินใดอันเป็นสินสมรส ข้อ.2 ต่อมาประมาณปลายปี 56 จำเลยได้ประพฤติตนเป็นปรปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยาอย่างร้ายแรง กล่าวคือ จำเลยมีอารมณ์ฉุนเฉียว หาเรื่องด่าว่าโจทย์ หาเรื่องทะเลาะกับโจทย์ต่อหน้ามารดาโจทก์และบุคคลในครอบครัวโจทย์ ทุบตีทำลายข้าวของ อีกทั้งโทรศัพท์ไปต่าว่าโจทย์ที่ทำงาน ทำให้โจทยก์ได้รับความอับบายต่อเพื่อนร่วมงาน และต่อมาจำเลยได้ออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น โดยจำเลยจะกลับมาหาโจทก์กับบุตรเป็นครั้งคราว ตั้งเวลากลับมาหาโจทก์กับบุตรก็จะหาเรื่องด่าว่าและหาเรื่อเทะเลาะกับโทจก์ทุบตีทำลายข้างของเฉกเช่นทุกครั้งเสมอมา โจทก์ตลดทั้งบุคคลในครอบครัวโจทก์ต้องอยู่ในความอดทน อดกลั้น หวาดกลัว โดยเฉพาะมารดาโจทก์ซึ่งเป็นโรคหัวใจ ข้อ.3 โจทก์ขออนุญาตกราบเรียนต่อศาลด้วยความเคารพว่า จากการกระทำดังกล่าวของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจอย่างร้ายแรง ถือว่าเป็นปรกปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยาอย่างร้ายแรง ทำให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนเกินควรเมื่อเอาสภาพฐานะความเป็นอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยาประกอบกับคำนึงจนโนทยก์ไม่สามารถทนอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยาได้ตามปกติสุขอีกต่อไป อีกทั้งจำเลยไม่ได้มีพฤติการใดๆ ที่ให้เห็นว่าประสงค์จะกลับมาอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับโจทก์อีก โจทก์จึงไม่ประสงค์ที่จะอยู่กินฉันท์สามีภรรยกดับจำเลยอีกต่อไป โจทก์ประสงจะหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากับจำเลยแต่จำทางจำเลยไม่ยินขอม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหา โจทก์ขออนุญาติกราบเรียนต่อศาลด้วยความเคารพต่อไปว่า จำเลยไม่ได้ประกอบอาชีพ ไม่มีรายได้ จำเลยไม่เคยอุปการะเลี้ยดูโจทก์กับบุตรเลย บุตรของโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการอุปการะเลี้ยงดูบุตรแต่เพียงผู้เดียวตลอดมา โจทก์จึงขอให้ศาลได้โปรดมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้โจทก์เป็นผู้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคำับเอากับจำเลยได้ จึงต้องนำคดีขึ้นสู่ศาล ขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด ************************************************************************************** ข้อเท็จจริงของคดีนี้คือ ผมกำลังศึกษาอยู่ในระดับ ปริญญาเอกซึ่งได้รับทุนการศึกษา เป็นจำนวนเงินมากพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการศึกษาจนจบหลักสูตร แต่ไม่ได้มากพอที่จะเจือจุนครอบครัวได้อย่างเพียงพอ .... ซึ่งเป็นเหตุให้แม่ภรรยา (แม่ยาย) เข้ามามีบทบาทเป็นอันมากจนทำให้ครอบครัวไม่เป็นอันปกติสุข... ทำให้ข้อตกลงระหว่างผมกับภรรยาก่อนที่จะมาจดทะเบียนเป็นสามีภรรยา ซึ่งได้แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกันในส่วนของการเงินและหน้าที่ทั่วไปตามสมควรแก่กำลังที่พึงมี ได้ผิดเพี้ยนไป (อันเนื่องมาจากบุคลภายนอก) จนไม่สามารถประคองสภาวะความเป็นครอบครัวต่อไปไว้ได้ ผมเคยได้ยินกฏหมายที่ว่า สามี ภรรยา พึงจะต้องเลี้ยงดูซึ่งกันและกัน (มิใช่หน้าที่ของสามี หรือ ภรรยาเพียงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด) ความคือหน้าของคดีในปัจจุบัน จะมีการนัดไกล่เกลี่ย ในวันที่ 30 เมย. 58 (หลังจากการเลื่อนนัดครั้งที่ 2) เนื่องด้วยผมป่วยหนักประสบอุบัติเหตุ ******************************************************************************************* อยากได้คำแนะนำ รายละเอียด ขั้นตอน และข้อพึงปฏิบัติ หากมีค่าใช้จ่ายประการใด อันเนื่องจากรายละเอียดปลีกย่อยของคดี นอกเหนือจากคำแนะนำเพิ่มเติม รบกวนกรุณาติดต่อผ่าน email ขณะนี้ผมได้ดำเนินการขอเอกสารหลักฐานเพื่อใช้ยืนยันในการสู้คดีตามความเข้าใจของตนเอง ซึ่งก็ได้มาประมาณเกือบ 60% ขอบพระคุณครับ
| |
ผู้ตั้งกระทู้ K (krit_com-at-hotmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2015-04-15 02:56:31 IP : 202.12.73.129 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (3529040) | |
ตามข้อเท็จจริงที่บอกมา อาจยังไม่พอเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ ตาม ปพพ. ม.1516 เมื่อถูกฟ้อง ก็มีหน้าที่ให้การต่อสู้ไปตามข้อเท็จจริงตามที่ถูกกล่าวหาในคำฟ้อง และคดีแบบนี้ ศาลมักให้ใช้การไกล่เกลี่ยประนีประนอมกัน ถ้ายอมถอยคนละก้าว และยอมลดความต้องการของฝ่ายตนลงบ้าง เรื่องราวน่าจะจบลงด้วยดี อาจใช้วิธีแยกกันอยู่ชั่วคราวกันไปก่อน หรือหย่าด้วยความยินยอม เพราะคดีแบบนี้ ถ้าคิดจะดำเนินคดีต่อไปให้ถึงที่สุด ก็แทบไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย นอกจากต้องเจ็บทั้งคู่ ด้วยความปรารถนาดี ครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2015-04-15 14:54:00 IP : 101.51.169.246 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3529437) | |
ผมลืมเขียนรายละเอียดคำขอท้ายคำฟ้องแพ่ง และบัญชีพยานโจทก์ (15ก.) มีรายละเอียดดังนี้ครับ ********คำขอท้ายคำฟ้องแพ่ง******* เพราะฉันนั้นศาลออกหมายเรียกตัวจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคำจำเลยตามคำขอต่อไปนี้ 1. ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากัน 2. ขอให้ศาลได้โปรดมีคำสั่งให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กหญิง xxx แต่เพียงผู้เดียว 3. ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความฯขั้นสูงแทนโจทก์ด้วย **********บัญชีพยานโจทก์*********** 1. โจทก์ (อ้างตนเองเข้าเบิกความเป็นพยาน) : นำ 2. มารดาโจทก์ : นำ 3. ต้นฉบับหรือสำเนาภาพถ่ายใบสำคัญการสมรส : นำ 4. ต้นฉบับหรือสำเนาภาพถ่ายสูติบัตรของบุตร : นำ 5. ต้นฉบับหรือสำเนาภาพถ่ายทะเบียนบ้านของบุตร : นำ ********************************************************************************************** ข้อเท็จจริงปัจจุบัน ภรรยาได้ทำการ block สายโทรศัพท์ของผมทุกหมายเลข และการติดต่อสื่อสารอิเล็กทรอนิกจากผมทุกชนิด โดยพูดทิ้งท้ายไว้แค่ว่า "ไว้ไปคุยกันในศาล" แต่ข้อเท็จจริง เมื่อไม่นานมานี้ผมมีรายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากทุนการศึกษา บังเอิญติดต่อเธอได้ผ่านที่ทำงาน และภรรยาก็ติดต่อกลับมาผ่านเครื่องมือสื่อสารเป็นระยะเวลาหนึ่ง จึงได้นัดพบกันและนำเงินรายได้จาการทำงานมอบให้ภรรยาเปิดบัญชีให้ลูก 4 ส่วน อีก1 ส่วนผมได้แบ่งชำระหนี้สินที่ผมหยิบยืมเธอในช่วงเวลาที่ผมไม่มี และหลังจากนี้ก็ไม่ได้รับการติดต่อและคงกลับไปปิดกั้นการติดต่อจากผมดังเช่นเคย ซึ่งดูเจตนาจากคำขอฯท้ายคำฟ้อง แล้วภรรยามิได้เรียกร้องค่าเลี้ยงดู หรือค่าใช้จ่ายอื่นใด (ยกเว้นค่าทนายซึ่งเข้าใจว่าตัวทนายเป็นผู้ใส่เพิ่มเติมลงไปเอง) เรียกร้องเพียงแค่อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งสอดคล้องกับบัญชีพยานโจทก์ลำดับที่ 2 และพฤติกรรมของมารดาของภรรยาที่ทำตัวเป็นปรปักษ์กับผมด้วยเหตุผลที่ว่ารายได้น้อย กีดกันมิให้ผมพบหน้าลูกสาวผมเองมาตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปี จะมีก็แค่เพียงภรรยาแอบพาลูกมาข้างนอกตอนมาทำธุระเพื่อนัดเจอกันเปิดโอกาสให้ลูกสาวได้มีโอกาสเจอพ่อบ้าง ซึ่งก็เป็นชั่วเวลาสั้นเพราะกิจกรรมของภรรยาจะถูกจับสายตาโดยมารดาของเธอเสมอเนื่องจากอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน เสมือนหนึ่งว่าเธอไม่สามารถอยู่ในสภาพที่ตัดสินในเองได้... เพราะแม่ของเธอเคยขู่ว่าถ้าไม่อย่างนั้นก็เอาลูกไปไว้ที่อื่น แม่ภรรยาจะไม่เลี้ยงให้ โดยอันที่จริงแล้วมารดาและญาติทางผมก็มีความสามารถที่จะเลี้ยงดูหลานได้ติดเพียงที่อยู่ไกลกันกับภรรยาและเธอต้องการที่จะดูแลบุตรสาวด้วยตัวเองประกอบกับขณะนี้ลูกสาวยังเด็กอยู่มาก ..... จึงจำเป็นต้องขอปกครองบุตรเพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องข้องแวะกับลูกสาวและครอบครัวเธออีกเลย เพื่อที่เธอและลูกจะได้มีที่อยู่อย่างปลอดภัย
การประนีประนอมเห็นว่าจำเป็นครับ และผมจะลองพยายามอย่างถึงที่สุด แต่ดูจากเจตนาและพฤติกรรมของภรรยาแล้ว จะต้องถูกคาดหวังจากมารดาเธอว่าจะต้องให้ได้ผลตามคำฟ้องอย่างแน่นอนครับ เว้นแต่เข้าสู่กระบวนการไต่ส่วนและผลการพิพากษาจะออกมาเป็นอย่างอื่น.... จะนำมาเรียนให้ทราบในลำดับต่อไปนะครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น K วันที่ตอบ 2015-04-16 00:21:57 IP : 202.12.73.129 |
[1] |
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๖๖ |
Visitors : 266999 |