การกู้ยืมเงิน
ถ้าลูกหนี้ ผิดนัด ก็ควรมีหนังสือทวงถาม บอกกล่าวให้ใช้หนี้ ตามเวลาที่กำหนด ถ้าลูกหนี้เพิกเฉย ก็ต้องใช้สิทธิฟ้องร้องทางศาล อาจจะต้องใช้ทนายความ หรือฟ้องร้องเองก็ได้ ค่าใช้จ่ายก็คงมีพอสมควร ถ้าศาลให้ลูกหนี้ใช้หนี้ แต่ถ้ายังเพิกเฉย ก็ต้องขอหมายบังคับคดี เพื่อยึดทรัพย์ของลูกหนี้ ไปขายทอดตลาดเพื่อใช้หนี้ได้ แต่ถ้าลูกหนี้ ไม่มีทรัพย์สินให้ยึด หรือยักย้ายถ่ายเทไปก่อนแล้ว ก็คงทำไม่ได้อะไร อาจจะเสียเวลาและเสียเงินเปล่า ถ้ามีผู้ค้ำประกัน หรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน ก็ยังพอได้รับการชดใช้คืนบ้าง...
ส่วนการขายหนี้ หรือการโอนสิทธิเรียกร้อง ก็สามารถทำได้ ซึ่งปัจจุบัน นิยมทำกันมาก ไม่ต้องเสียเวลาไปฟ้องร้อง เพียงขายให้เจ้าหนี้คนใหม่ ไปใช้สิทธิเรียกร้องเอาเอง หรือขายต่อไปหลายๆทอดก็มีอยู่ไม่น้อย แต่...การขายหนี้ ย่อมมีข้อจำกัด เพราะผู้ซื้ออาจจะซื้อเพียง 40-50 % ของหนี้เท่านั้น ก็อาจจะไม่คุ้ม แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย...เพราะปัจจุบันลูกหนี้ เป็นประเภทหมู่ไม่กลัวน้ำร้อน มักพูดว่า ไม่มี ไม่หนี้ ไม่ใช้"
ดังนั้นถ้าจะดำเนินธุรกิจการให้กู้ยืม ต้องทำสัญญาให้รัดกุม ควรมีผู้ค้ำประกัน และ หลักทรัพย์ค้ำประกันด้วย .... |