ข้าพเจ้าจำเลย ได้รับสำเนาของโจทก์แล้ว ขอทำคำแก้อุทธรณ์ยื่นต่อศาล มีข้อความตามที่จะกล่าวต่อไปนี้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากกัน หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามขอให้ถือเอาคำสั่งศาลไปจดทะเบียนหย่าฝ่ายเดียว
จำเลยยื่นคำให้การว่าโจทก์มีหญิงอื่น โจทก์เป็นฝ่ายผิดจึงไม่มีสิทธิฟ้องอย่า ขอให้ยกฟ้อง
คดีมีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยว่ามีเหตุที่โจทก์และจำเลยต้องหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พฤติกรรมของจำเลยยังไม่ถือว่ากระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อสามีภรรยาอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องอย่าได้ จึงพิพากษายกฟ้อง
ข้อ ๒. โจทก์อุทธรณ์ว่า การที่จำเลยยังไม่รู้แน่ว่ามีเหตุการณ์ที่โจทก์ไปคบหายกย่องหญิงอื่นเป็นภรรยา แต่กลับพ่นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างมาก จึงเป็นเหตุที่โจทก์ฟ้องอย่าได้และเหตุการณ์มิได้เกิดจากโจทก์ดังที่ศาลชั้นต้นมีคำวินิจฉัย
โจทก์ยังอุทธรณ์อีกว่าการกระทำของจำเลยที่ได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของโจทก์เพื่อหวังให้โจทก์ถูกออกจากงาน จำเลยกลั่นแกล้งทำให้โจทก์เสียหายอย่างร้ายแรง พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นการตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากับโจทก์ ทำให้โจทก์ไม่อาจทนอยู่กินฉันสามีภรรยากับจำเลยได้อีกต่อไป
จำเลยขอประทานกราบเรียนต่อศาลอุทธรณ์ภาค.... ที่เคารพว่า อุทธรณ์ดังกล่าวข้างต้นของโจทก์เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชัดแจ้ง กล่าวคือ โจทก์ไม่ได้คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริงว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อนอย่างไร และคำพิพากษาที่ถูกต้องเป็นอย่างไร โจทก์ควรจะชนะคดีได้ด้วยเหตุผลอะไร ทั้งอุทธรณ์ดังกล่าวข้างต้นของโจทก์ไม่เป็นสาระแก่คดี กล่าวคือข้อเท็จจริงตามที่โจทก์กล่าวอ้างไม่เป็นข้อแพ้ชนะหรือไม่เป็นประโยชน์แก่คดีหรือไม่มีผลทำให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลง อุทธรณ์ของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕ อุทธรณ์ดังกล่าวของโจทก์จึงไม่สมควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลอุทธรณ์ภาค.....
ข้อ ๓. จำเลยขอประทานกราบเรียนต่อศาลอุทธรณ์ภาค....ที่เคารพว่าการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์และจำเลยนำสืบรับกันว่าตั้งแต่จดทะเบียนสมรสกันโจทก์และจำเลยต้องอาศัยอยู่กันคนละแห่งเพราะมีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบจะไปมาหากันในช่วงวันหยุดเท่านั้น โดยสภาพทางครอบครัวดังกล่าวโจทก์และจำเลยอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยากว่า ๒๓ ปีแล้ว แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาโจทก์และจำเลยต่างเข้าใจกันและกันและสามารถอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาได้อย่างปกติทั่วไป น่าเชื่อว่าเหตุที่จำเลยเข้าไปทำลายทรัพย์สินของโจทก์ที่หมู่บ้านเปี่ยมสุขแล้วใช้น้ำมันเบรคราดรถยนต์และใช้สีสเปรย์พ่นข้อความรอบโรงรถยนต์เขียนประจานโจทก์ว่า “คนนอกใจเมีย คนเลว” ตามภาพถ่ายและสำเนารายการจดทะเบียนรถยนต์หมายจ.๑๑ และ จ. ๑๒ นั้น เกิดจากความหึงหวงและหวาดระแวงตัวโจทก์ เพราะก่อนเกิดเหตุจำเลยสืบทราบมาว่าโจทก์กำลังคบหญิงอื่นฉันท์ชู้สาวแต่โจทก์ในฐานะหัวหน้าครอบครัวหาได้ใช้ความพยายามทำให้จำเลยคลายความวิตกกังวลนั้นแต่อย่างใดไม่ และศาลได้วินิจฉัยต่อไปว่าส่วนที่จำเลยมีหนังสือร้องเรียนผู้บังคับบัญชาของโจทก์ก็เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาของโจทก์ทราบเกี่ยวกับพฤติกรรมของโจทก์ที่เป็นเรื่องความประพฤติส่วนตัวทั่วไปเป็นการรักษาสิทธิในครอบครัวมิให้หญิงอื่นมาทำให้เกิดความแตกแยกร้าวฉานในครอบครัวและโจทก์มิได้ถูกดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรงแต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อพิจารณาหนังสือร้องเรียน เอกสารหมาย จ. ๒๑ ข้อความส่วนมากก็ระบุเป็นทำนองตัดพ้อต่อว่าโจทก์และน้อยใจที่โจทก์คบหญิงอื่นฉันท์ชู้สาวและเสียใจในการกระทำของโจทก์ดังกล่าว พฤติกรรมของจำเลยดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าเป็นการประพฤติชั่วหรือทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจหรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์หรือกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อสามีภรรยากันอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องอย่าจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๑๖ โดยพิพากษายกฟ้องโจทก์จำเลยเห็นด้วยว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว
อาศัยเหตุผลทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดังที่จำเลยได้ประทานกราบเรียนมาข้างต้น ขอศาลอุทธรณ์ภาค.....ได้โปรดพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความอย่างสูงแทนจำเลยด้วย
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด