ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีนี้คือ เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๖ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ตเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส  จำกัด (มหาชน)  ซึ่งซื้อบัญชีลูกหนี้ ๒ กลุ่มมาจาก บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) คือ (๑) สินเชื่อธุรกิจเงินผ่อน รวมทั้งสิ้น ๘,๔๔๐ ราย และ (๒) สินเชื่อธุรกิจเงินผ่อน รวมทั้งสิ้น ๑๓,๓๔๒ ราย ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย (ผู้กู้ยืมเงิน) เป็นคดีผู้บริโภคที่ศาลจังหวัดพระโขนง เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เป็นคดีหมายเลขดำที่ ผบ.๔๙๕๐/๒๕๕๗ เรื่อง ผิดสัญญากู้ยืมเงิน , เรียกให้ชำระเงิน เป็นเงินต้นจำนวน ๔๑,๓๓๖.๕๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยจำนวน ๔๗,๔๒๙.๓๘ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๘๘,๗๖๕.๘๘ บาท

       ศาลจังหวัดพระโขนงนัดพิจารณาไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยานในวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ เวลา ๘.๓๐ น.

       เราได้จัดเตรียมเอกสารให้จำเลยเพื่อยื่นคำคู่ความต่อสู้คดีต่อศาลดังนี้ (๑) คำให้การจำเลย , (๒) คำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นข้อกฎหมาย และ (๓) บัญชีพยานจำเลย โดยเมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๘ จำเลยได้มอบฉันทะให้ผู้รับมอบฉันทะไปยื่นคำคู่ความดังกล่าวต่อศาลจังหวัดพระโขนง 

       การยื่นคำให้การต่อสู้คดีดังกล่าวเป็นการตั้งประเด็นข้อกฎหมายที่เป็นข้อชี้ขาดผลคดีว่าชนะหรือแพ้แล้ว ซึ่งหลังจากนั้นก็เพียงแต่รอถึงวันนัดพิจารณาคดีของศาลเท่านั้น

       ศาลจังหวัดพระโขนงได้เลื่อนการพิจารณาคดีไป โดยศาลนัดสืบพยานในวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๘ เวลา ๙.๐๐ น. เมื่อถึงวันดังกล่าว โจทก์ได้นำพยานเข้าสืบโดยจำเลยไม่ได้ไปศาล

       ในวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๘  ศาลจังหวัดพระโขนงได้มีคำพิพากษาว่ายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๗๖๕/๒๕๕๘