ตัวอย่างชนะคดี บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ตเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด(มหาชน) ศาลจังหวัดพระโขนง
เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๓ บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) ได้ทำสัญญาซื้อขายบัญชีลูกหนี้ซึ่งเป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับสัญญากู้/สัญญาสินเชื่อ ให้แก่ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) รวมทั้งสิ้น ๒๑,๑๓๒ สัญญา เป็นมูลหนี้รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน ๔๓๒,๑๘๗,๘๑๘.๘๐ บาท (สี่ร้อยสามสิบสองล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นเจ็ดพันแปดร้อยสิบแปดบาทแปดสิบสตางค์) โดยชำระราคาเป็นยอดรวมจำนวนทั้งสิ้น ๑๘,๐๒๒,๒๓๒.๔๐ บาท (สิบแปดล้านสองหมื่นสองพันสองร้อยสามสิบสองบาทสี่สิบสตางค์) ซึ่งเท่ากับอัตราร้อยละ ๔.๑๗ ของมูลหนี้ ผลจากการซื้อขายบัญชีลูกหนี้ดังกล่าวทำให้บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับหนี้ทั้งปวง ดังนั้นลูกหนี้ทั้ง ๒๑,๑๓๒ สัญญาดังกล่าวข้างต้นคงต้องถูกฟ้องดำเนินคดีแน่นอน เช่นลูกหนี้รายที่จะกล่าวต่อไปนี้ คือ
เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ซึ่งซื้อบัญชีหนี้สัญญากู้มาจาก บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย (ผู้กู้) เป็นคดีผู้บริโภค ที่ศาลจังหวัดพระโขนง คดีหมายเลขดำที่ ผบ.๔๕๙๙/๒๕๕๘ เรื่อง ผิดสัญญากู้ยืมเงิน เรียกให้ชำระเงิน ขอให้ชำระเงินต้นจำนวน ๒๐,๖๓๙.๐๐ บาทและดอกเบี้ยผิดนัดจำนวน ๓๐,๖๘๗.๐๘ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕๑,๓๒๖.๐๘ บาท
ศาลนัดพิจารณาไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยานในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ เวลา ๘.๓๐ น.
เราได้จัดเตรียมเอกสารให้จำเลยเพื่อยื่นคำคู่ความต่อสู้คดีต่อศาลดังนี้ (๑) คำให้การจำเลย , (๒) คำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นข้อกฎหมาย และ (๓) บัญชีพยานจำเลย โดยเมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ จำเลยได้ไปยื่นคำคู่ความดังกล่าวต่อศาลจังหวัดพระโขนงด้วยตนเอง การยื่นคำให้การต่อสู้คดีดังกล่าวเป็นการตั้งประเด็นข้อกฎหมายที่เป็นข้อชี้ขาดถึงผลของคดีว่าชนะหรือแพ้แล้ว ซึ่งหลังจากนี้ก็เพียงแต่รอถึงวันนัดพิจารณาคดีของศาลเท่านั้น
ศาลให้เลื่อนไปนัดฟังคำพาพากษาในวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ เวลา ๙.๐๐ น.
คดีนี้ต่อมาเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ ศาลได้มีคำพิพากษาว่า ยกฟ้องค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ผบ.๕๓๓๓/๒๕๕๘