เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ธนาคารธนชาติ จำกัด (มหาชน) ได้ทำสัญญาโอนขายสิทธิเรียกร้อง (สิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าซื้อ) เลขที่ ๕๓๒๑๑๐ ให้แก่ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ซึ่งหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์เฉพาะที่บอกเลิกสัญญาแล้ว (กรณีได้รับรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนและจำหน่ายรถที่เช่าซื้อออกไปแล้ว) รวมทั้งสิ้น ๘,๑๓๖ สัญญา โดยมีค่าตอบแทนการโอนเป็นเงินจำนวน ๕๙,๘๗๕,๖๕๙.๔๐ บาท (ห้าสิบเก้าล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นห้าพันหกร้อยห้าสิบเก้าบาทสี่สิบสตางค์) ซึ่งผลจากการทำสัญญาโอนขายสิทธิเรียกร้องที่มีค่าตอบแทนดังกล่าวทำให้บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับหนี้ทั้งปวง (สิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าซื้อ) ดังนั้นลูกหนี้ทีมีความผูกพันต่อหนี้ทั้ง ๘,๑๓๖ สัญญาดังกล่าวข้างต้นคงต้องถูกฟ้องดำเนินคดีแน่นอน เช่นคดีนี้ คือ

            เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำสัญญาโอนขายสิทธิเรียกร้อง (สิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าซื้อ) เลขที่ ๕๓๒๑๑๐ มาจาก ธนาคารธนชาติ จำกัด (มหาชน) ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ ๒ (ผู้ค้ำประกัน) เป็นคดีผู้บริโภคที่ศาลจังหวัดระยอง คดีหมายเลขดำที่ ผบ.๑๕๔๗/๒๕๕๕ เรื่อง ผิดสัญญาเช่าซื้อ เรียกค่าเสียหาย ขอให้ชำระเงินต้นจำนวน ๒๖๕,๐๔๖.๗๓ บาท ดอกเบี้ยผิดนัดจำนวน ๗๙,๕๑๔.๐๒บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓๔๔,๕๖๐.๗๔   บาท 

            ศาลนัดพิจารณาไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยานในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เวลา ๐๙.๐๐ น. 

เราได้จัดเตรียมเอกสารให้จำเลยที่ ๒ ผู้ค้ำประกัน เพื่อยื่นคำคู่ความต่อสู้คดีต่อศาลดังนี้ (๑) คำให้การจำเลยที่ ๒ , (๒) คำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นข้อกฎหมาย และ (๓) บัญชีพยานจำเลยที่ ๒ โดยเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘  จำเลยที่ ๒ ได้ไปยื่นคำคู่ความดังกล่าวต่อศาลจังหวัดระยองด้วยตนเอง การยื่นคำให้การต่อสู้คดีดังกล่าวเป็นการตั้งประเด็นข้อกฎหมายที่เป็นข้อชี้ขาดผลคดีว่าชนะหรือแพ้แล้ว ซึ่งหลังจากนี้ก็เพียงแต่รอถึงวันนัดพิจารณาคดีของศาลเท่านั้น ซึ่งศาลได้ทำการสืบพยานโจทก์แล้ว

            คดีนี้ต่อมาเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ผบ.๖๒๓๐/๒๕๕๕