เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๕ บริษัท บัตรเครดิตกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยซึ่งเป็นทายาทของสมาชิกบัตรเครดิตเป็นคดีผู้บริโภค ที่ศาลจังหวัดหนองคาย คดีหมายเลขดำที่ ผบ.๑๕๗๘/๒๕๕๕ เรื่อง สัญญาสินเชื่อบัตรเครดิต กู้ยืม ขอให้ชำระเงินต้นจำนวน ๑๘๙,๓๖๗.๖๒ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๑๑๕,๓๖๘.๑๒ บาทและของต้นเงิยจำนวน ๓๐,๓๓๙.๖๒ บาท นับจากวันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จแก่โจทก์
          จำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีการปิดหมายเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
          ศาลนัดพิจารณาไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยานในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๖.๓๐ น.
          เราได้รับการติดต่อจากจำเลยเพื่อเรียงคำให้การสู้คดีเมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เราจึงได้จัดเตรียมเอกสารให้จำเลยเพื่อยื่นคำคู่ความต่อสู้คดีต่อศาลดังนี้ (๑) คำให้การจำเลย , (๒) คำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นข้อกฎหมาย , (๓) บัญชีพยานจำเลย , (๔)  ใบมอบอำนาจให้ดำเนินคดีแทนจำเลย และ (๕) คำให้การพยานจำเลย (นำ)
          วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันนัดไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยาน ปรากฏว่าโจทก์แถลงขออนุญาตเลื่อนไปนัดสืบพยานในนัดหน้า จำเลยแถลงคัดค้านการเลื่อนคดี ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เวลา ๙.๐๐ น.
          วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ไม่มาศาลอ้างว่า ป่วยด้วยสาเหตุอาหารเป็นพิษไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ ประสงค์จะขอเลื่อนคดีโดยจะส่งคำร้องมาทางโทรสาร จำเลยแถลงคัดค้านและขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยมีพยานมาสืบ (ตามที่เราได้แนะนำ)
         ศาลมีคำสั่งว่า การที่ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีทางโทรสาร หามีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดให้โจทก์กระทำเช่นนั้นได้ได้ จึงไม่รับคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายโจทก์ เมื่อโจทก์ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล โดยไม่ได้รับอนุญาตให้เลื่อนคดี ถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับจำเลยต่อไป ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับเป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๓๓๗/๒๕๕๖

โปรดดู รายงานกระบวนพิจารณาของศาลโดยละเอียด