เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โจทก์ ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ ๑ (ผู้กู้) และจำเลยที่ ๒ (ผู้ค้ำประกัน) เป็นคดีผู้บริโภค ที่ศาลแขวงปทุมวัน คดีหมายเลขดำที่ ผบ.๒๖๑/๒๕๕๕ เรื่อง ผิดสัญญากู้ยืมเงินและสัญญาค้ำประกัน ขอให้ชำระเงินต้นจำนวน ๒๔,๐๐๒.๗๕ บาทพร้อมเบี้ยปรับจำนวน ๔๓,๔๓๑.๘๓ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๖๗,๔๓๔.๘๓ บาท ศาลนัดพิจารณาไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยานในวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เวลา ๙.๐๐ น.
เราได้จัดเตรียมเอกสารให้จำเลยทั้งสองเพื่อยื่นคำคู่ความต่อสู้คดีต่อศาลดังนี้ (๑) คำให้การจำเลยที่ ๑ , (๒) คำให้การจำเลยที่ ๒ , (๓) คำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นข้อกฎหมาย , (๔) บัญชีพยานจำเลยที่ ๑ , (๕) บัญชีพยานจำเลยที่ ๒ และ (๖) ใบมอบฉันทะจำเลยที่ ๒ โดยเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ จำเลยที่ ๑ ได้ไปยื่นคำให้คู่ความดังกล่าวต่อศาลแขวงปทุมวันด้วยตนเองและในวันนัดคือวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ จำเลยทั้งสองไม่ไปศาล โดยขาดนัดพิจารณาเพราะได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีโดยตั้งประเด็นที่เป็นข้อชี้ขาดผลคดีว่าชนะหรือแพ้แล้ว
เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ศาลได้บันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาดังนี้ ศาลได้ตรวจสำนวนดูแล้ว ปรากฏว่า คดีนี้ จำเลยทั้งสองได้ยื่นคำให้การ แต่ศาลได้อนุญาตให้โจทก์ส่งเอกสารแทนการสืบพยาน จึงเป็นการผิดหลง อาศัยอำนาจประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗ ให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบทั้งหมด และให้เริ่มพิจารณาใหม่ โดยให้นัดพิจารณาในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๙ นาฬิกา หมายแจ้งวันนัดให้โจทก์ ทนายโจทก์และจำเลยทั้งสองทราบนัด การส่งให้ปิดได้
เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ ศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วมีคำพิพากษาว่า ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ผบ.๓๔๔/๒๕๕๕