เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โจทก์ ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ ๑ (ผู้กู้) และจำเลยที่ ๒ (ผู้ค้ำประกัน) เป็นคดีผู้บริโภค ที่ศาลจังหวัดพระโขนง คดีหมายเลขดำที่ ผบ.๕๙๗/๒๕๕๕ เรื่อง ผิดสัญญากู้ยืม ค้ำประกัน ขอให้ชำระเงินต้นจำนวน ๑๑,๐๐๙.๑๑ บาทพร้อมเบี้ยปรับจำนวน ๑๙,๓๘๗.๗๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓๐,๓๙๕.๗๐ บาท
ศาลนัดให้จำเลยทั้งสองไปศาลเพื่อการไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยานในวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๓.๓๐ น. ในวันนัดจำเลยที่ ๑ ติดต่อเรามาทางโทรศัพท์ในตอนเช้าบอกว่าจะไปศาลในตอนบ่ายช่วยได้ไหม เราเห็นว่าพอมีเวลาจึงได้จัดเตรียมเอกสารให้จำเลยทั้งสองเพื่อยื่นคำคู่ความต่อสู้คดีต่อศาลดังนี้ (๑) คำให้การจำเลยที่ ๑ , (๒) คำให้การจำเลยที่ ๒ , (๓) คำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นข้อกฎหมาย , (๔) บัญชีพยานจำเลยที่ ๑ , (๕) บัญชีพยานจำเลยที่ ๒ และ (๖) ใบมอบฉันทะจำเลยที่ ๒ โดยในวันนัดดังกล่าวจำเลยที่ ๑ ได้ไปยื่นคำให้คู่ความดังกล่าวต่อศาลจังหวัดพระโขนงด้วยตนเองแต่ไปถึงสายไปและโจทก์พยายามไกล่เกลี่ยจะให้จำเลยที่ ๑ ชดใช้เงิน โดยขอเลื่อนคดีไปก่อน
ในวันนัดต่อมาเมื่อถึงวันนัดพิจารณาวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๕ เวลา ๑๓.๓๐ น. จำเลยทั้งสองไม่ได้ไปศาล เพราะได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีโดยตั้งประเด็นที่เป็นข้อชี้ขาดผลคดีว่าชนะหรือแพ้แล้ว โจทก์จึงนำพยานเข้าสืบฝ่ายเดียว
ศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เวลา ๙.๐๐ น. ในวันดังกล่าวศาลพิพากษาว่า ยกฟ้องค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๑๓๒๔/๒๕๕๕