เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โจทก์ ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ ๑ (ผู้กู้) และจำเลยที่ ๒ (ผู้ค้ำประกัน) เป็นคดีผู้บริโภคที่ศาลแขวงนนทบุรี คดีหมายเลขดำที่ ผบ.๖๙๗๘/๒๕๕๕ เรื่อง กู้ยืม ค้ำประกัน และเรียกค่าเสียหาย ขอให้ชำระเงินต้นจำนวน ๑๐,๐๔๑.๐๕ บาทและเบี้ยปรับจำนวน ๑๙,๖๒๖.๕๔ บาทรวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๙,๖๖๗.๕๙ บาท
ศาลนัดพิจารณาไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยานในวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๐๐ น. เราได้จัดเตรียมเอกสารให้จำเลยทั้งสองเพื่อยื่นคำคู่ความต่อสู้คดีต่อศาลดังนี้ (๑) คำให้การจำเลยที่ ๑ , (๒) คำให้การจำเลยที่ ๒ , (๓) คำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นข้อกฎหมาย , (๔) บัญชีพยานจำเลยที่ ๑ , (๕) บัญชีพยานจำเลยที่ ๒ และ (๖) ใบมอบฉันทะจำเลยที่ ๒ โดยเมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ จำเลยที่ ๑ ได้ไปยื่นคำคู่ความดังกล่าวต่อศาลแขวงนนทบุรีด้วยตนเอง แต่เนื่องจากจำเลยที่ ๑ ไม่สามารถติดต่อกับจำเลยที่ ๒ ได้จึงยื่นคำให้การสู้คดีและเอกสารประกอบคดีเพียงผู้เดียว การยื่นคำให้การต่อสู้คดีดังกล่าวเป็นการตั้งประเด็นข้อกฎหมายที่เป็นข้อชี้ขาดผลคดีว่าชนะหรือแพ้แล้ว
ในวันนัดพิจารณาคดีในวันที่ ๒๕ กันยายน๒๕๕๕ จำเลยไมได้ไปศาล โจทก์ได้ขอเลื่อนคดีและศาลอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๕
ในวันนัดดังกล่าวเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ โจทก์ได้สืบพยานไปฝ่ายเดียวและศาลได้มีคำพิพากษาในวันเดียวกันว่า ยกฟ้องค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๙๙๗๘/๒๕๕๕