เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โจทก์ ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ ๑ (ผู้กู้) และจำเลยที่ ๒ (ผู้ค้ำประกัน) เป็นคดีผู้บริโภค ที่ศาลแขวงนครราชสีมา คดีหมายเลขดำที่ ผบ.๑๓๐๖/๒๕๕๕ เรื่อง ผิดสัญญากู้ยืม ค้ำประกัน ขอให้ชำระเงินต้นจำนวน ๒๒,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยจำนวน ๒,๒๓๔.๙๖ บาทและเบี้ยปรับจำนวน ๓๓,๕๒๔.๓๘ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕๗,๗๕๙.๓๔ บาท
ศาลนัดพิจารณาไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยานในวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เวลา ๙.๐๐ น.
เราได้จัดเตรียมเอกสารให้เฉพาะจำเลยที่ ๒ เพื่อยื่นคำคู่ความต่อสู้คดีต่อศาลดังนี้ (๑) คำให้การจำเลยที่ ๒ , (๒) คำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นข้อกฎหมาย , (๓) บัญชีพยานจำเลยที่ ๒ โดยเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๕ จำเลยที่ ๒ ได้ไปยื่นคำให้คู่ความดังกล่าวต่อศาลแขวงนครราชสีมาด้วยตนเอง
ในวันนัดพิจารณาคดีเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕ จำเลยที่ ๒ ไม่ได้ไปศาล เพราะได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีโดยตั้งประเด็นที่เป็นข้อชี้ขาดผลคดีว่าชนะหรือแพ้แล้ว ส่วนจำเลยที่ ๑ นั้นไม่ทราบว่าจะได้ยื่นคำไห้การต่อสู้คดีหรือไม่ แต่หนี้ในคดีนี้เป็นหนี้ที่ไม่สามารถแบ่งแยกการชำระได้เพราะเป็นหนี้ร่วม แต่ในวันนัดโจทก์ขอเลื่อนนัด โดยเลื่อนไปนัดพิจารณาในวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๕
ในวันนัดดังกล่าวซึ่งเป็นการนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ได้สืบพยานไปฝ่ายเดียวและในวันเดียวกันนั้นศาลได้มีคำพิพากษาว่า ยกฟ้องค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๓๐๘๙/๒๕๕๕