ตัวอย่างคำฟ้องคดีกู้ยืมเงินเซทเทเลม
(สัญญาสินเชื่อบุคคลทันใจ)
ข้อเท็จจริงในคดีนี้ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๐ โจทก์ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมดที่มีต่อลูกหนี้ตามบัญชีรายชื่อลูกหนี้ที่ได้ซื้อหนี้มาจำนวน ๖๗๙ ราย ในราคา ๙๕๘,๑๓๕.๙๑ บาท (เก้าแสนห้าหมื่นแปดพันพันหนึ่งร้อยสามสิบห้าบาทเก้าสิบเอ็ดสตางค์) หรือ เท่ากับอัตราร้อยละ ๖.๕๐ มาจากบริษัทเซทเทเลม (ประเทศไทย) ลูกหนี้รายที่ถูกฟ้องนี้เป็นหนึ่งในบัญชีลูกหนี้ที่ถูกฟ้องดังกล่าว ซึ่งมีรายละเอียดเนื้อหาดังตัวอย่างคำฟ้องนี้ ซึ่งเราได้จัดเตรียมคำให้การสู้คดียื่นต่อศาลแล้ว ผลคดีเป็นอย่างไรจะนำมาเรียนให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ทราบต่อไป
คดีระหว่าง บริษัท เจริญ...... แอคเคาน์ติ้ง แอนด์ ลอว์ จำกัดฯ โจทก์
ระหว่าง
นาย ส. จำเลย
เรื่อง ผิดสัญญากู้เงิน
ข้อ ๑. โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการ รับซื้อหรือรับโอนทรัพย์สิน ทั้งมีคุณภาพและด้วยคุณภาพ หรือจากบุคคลหรือนอติบุคคล เพื่อนำมาบริหารหรือจำหน่ายจ่ายโอนต่อไป อันมิใช่กิจการบริหารสินทรัพย์ โดยมีนาย ธ หรือ นางสาว ภ. เป็นกรรมการซึ่งกรรมการคนใดคนหนึ่งลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของโจทก์ มีอำนาจกระทำการผูกพันโจทก์ได้ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรอง เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑
เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๐ โจทก์ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมดที่มีต่อจำเลย มาจากบริษัทเซทเทเลม (ประเทศไทย) จำกัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยมีข้อตกลงให้โจทก์เป็นผู้ดำเนินการแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่จำเลยทราบตามกฎหมาย รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือสัญญาซื้อขายและบัญชีลูกหนี้ที่รับโอน เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๒
ต่อมาเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ โจทก์ได้ประกาศแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องพร้อมทั้งขอให้ชำระหนี้และเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๗ โจทก์ได้มีหนังสือแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องและขอให้ชำระหนี้ให้จำเลยทราบตามกฎหมายแล้ว รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือพิมพ์สายกลางและสำเนาหนังสือแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องพร้อมสำเนาใบฝากรวมและใบตอบรับทางไปรษณีย์ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๓ – ๔ และ ๕
ในการดำเนินคดีนี้นั้น โจทก์ได้มอบอำนาจให้นาย ด. , นาย ธ. เป็นผู้รับมอบอำนาจ ให้มีอำนาจฟ้อง ดำเนินคดี มอบอำนาจช่วง แตงตั้งทนายความและอื่นๆแทนโจทก์ได้และในคดีนี้ นาย ด.ได้มอบอำนาจช่วงให้ นาย บ. เป็นผู้ดำเนินคดีแทนโจทก์ปรากฏตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจและมอบอำนาจช่วงเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๖ – ๗
ข้อ ๒. เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๔๖ จำเลยได้ตกลงทำสัญญากู้เงินสินเชื่อบุคคลทันใจ กับบริษัท เซทเทเลม (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเงินจำนวน ๘๐,๐๐๐ บาท และ บริษัท เซทเทเลม (ประเทศไทย) จำกัด ก็ได้อนุมัติพร้อมส่งยอดเงินจำนวนดังกล่าวให้กับจำเลยรับไปเรียบร้อยแล้ว และให้ถือว่าสัญญากู้เงินดังกล่าว เป็นหลักฐานเงินกู้ที่จำเลยได้รับแล้ว โดยคิดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี (แบบลดต้นลดดอก) ของยอดเงินกู้ดังกล่าว จำเลยตกลงผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือน ๔๘ งวดๆละ ๒,๒๒๖.๕๐ บาท เริ่มชำระงวดแรกในเดือนถัดไปจากเดือนที่กู้ยืมติดต่อกันไปจนชำระเสร็จ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาคำขอกู้ยืมสินเชื่อบุคคลทันใจ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๘
ข้อ ๓. นับแต่จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินและรับเงินกู้ไปจากบริษัท เซทเทเลม (ประเทศไทย) จำกัด แล้ว แต่ปรากกว่าจำเลยกลับผิดนัดผิดสัญญากับบริษัท เซทเทเลม (ประเทศไทย) จำกัด โดยไม่ทำการชำระหนี้ให้ครบถ้วนตามสัญญาแต่อย่างใด ซึ่งจำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่บริษัท เซทเทเลม (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้นเงินเป็นเงินเพียงจำนวน ๒๘,๖๒๘.๙๔ บาท โดยโจทก์ขอนำยอดการชำระดังกล่าวมาหักกับยอดเงินต้นเงินกู้ทั้งหมดให้แก่จำเลย ซึ่งมียอดหนี้เงินต้นค้างชำระ ณ วันที่โจทก์รับโอนสิทธิเรียกร้องจากบริษัท เซทเทเลม (ประเทศไทย) จำกัด (วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๐) เป็นเงินจำนวน ๕๑,๓๗๑.๐๖ บาท ปรากฏตามสำเนาตารางรายการคำนวณยอดหนี้เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๙
หลังจากโจทก์ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมดที่มีต่อจำเลย จากบริษัท เซทเทเลม (ประเทศไทย) จำกัด แล้ว โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้อง ไม่ประสงค์จะให้จำเลยค้างชำระหนี้โจทก์อีกต่อไป โจทก์จึงได้มีหนังสือแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องและทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ ซึ่งจำเลยก็ได้รับทราบแล้ว แต่ปรากกว่าจำเลยยังคงเพิกเฉยอยู่ ดังที่โจทก์ได้กราบเรียนข้างต้น
การที่จำเลยไม่ยอมชำระหนี้ให้แก่โจทก์ดังกล่าว เป็นการผิดนัดผิดสัญญา ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขายประโยชน์รายได้ คิดเป็นต้นเงินจำนวน ๕๑,๓๗๑.๐๖ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าว ซึ่งโจทก์คิดเฉพาะดอกเบี้ยนับแต่วันถัดจากวันรับโอนสิทธิเรียกร้องคือวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๐ จนถึงวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๕ คิดเป็นเวลา ๑,๘๒๗ วัน โดยคิดดอกเบี้ยเป็นเงิน ๓๘,๕๗๐.๕๒ บาท รวมต้นเงินและดอกเบี้ยที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์ทั้งสิ้นเป็นเงิน ๘๙,๙๔๑.๕๘ บาท นอกจากนี้จำเลยยังมีหน้าที่ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๕๑,๓๗๑.๐๖ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
ข้อ ๔. บริษัท เซทเทเลม (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลได้ ทั้งนี้ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยสามารถเรียกเก็บดอกเบี้ยได้ไม่เกินอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี และเมื่อรวมค่าปรับ ค่าบริการและค่าธรรมเนียมใดๆรวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ ๒๘ ต่อปี โดยในการคิดดอกเบี้ยกับจำเลยในอัตราดังกล่าว โจทก์ในฐานะผู้รับโอนสิทธิจึงมีสิทธิคิดได้โดยอาศัยอำนาจตามประกาศกระทรวงการคลัง , ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย รายละเอียดปรากฏตามสำเนาใบอนุญาตกระทรวงการคลัง , ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑๐
โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับเอากับจำเลยได้ จึงต้องฟ้องคดีเพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
คำขอท้ายฟ้องคดีผู้บริโภค
ขอศาลโปรดออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้
๑. ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน ๘๙,๙๔๑.๕๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีของต้นเงินจำนวน ๕๑,๓๗๑.๐๖ บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นแก่โจทก์
๒. ให้จำเลยกระทำหรืองดเว้นการกระทำ
๓. ส่งมอบสิ่งของ.....
๔. อื่นๆ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความในอัตราอย่างสูงแทนโจทก์ด้วย
ข้าพเจ้ายื่นมาพร้อมสำเนาโดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย หนึ่ง ฉบับและรอฟังคำสั่งอยู่หากไม่รอถือว่าทราบแล้ว
บริษัท เจริญทรัพย์อนันต์ แอคเคาน์ติ้ง แอนด์ ลอว์ จำกัดฯ ..........โจทก์
ข้าพเจ้า เจ้าพนักงานคดี/ผู้บันทึก
ข้าพเจ้า นาย บ. ทนายความใบอนุญาตเลขที่...../๒๕๕๕ ผู้เรียง/พิมพ์
นาย บ. ทนายความโจทก์
หากท่านถูกฟ้องเป็นคดีีเช่นนี้ เราสามารถจัดทำคำให้การให้ท่านไปสู้คดีได้ด้วยตนเอง