.jpg)
ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค (ประกันชีวิต)
เรื่องจริง คดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์จากการที่ นาย อ. บิดาโจทก์ได้ประกันชีวิตโดยซื้อประกันชีวิตกับบริษัทจำเลยที่ ๒ โดยการเป็นนายหน้าชี้ช่องของจำเลยที่ ๑ ต่อมาเมื่อบิดาโจทก์เสียชีวิต ไปร้องที่ไหนๆก็ไม่ได้ผล คดีมาถึงมือเรา เราจัดให้ โดยฟ้องคดีผู้บริโภคไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาล เป็นคดีที่ศาลจังหวัดนครราชสีมา คดีหมายเลขดำที่ ผบ.๔๔๑/๒๕๕๘ ก่อนวันนัดพิจารณา ๑ วัน จำเลย (บริษัทประกันชีวิตยักษ์ใหญ๋) ยินยอมชดใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตให้ โจทก์แบ่งเป็นเช็คเงินสด ๓ ฉบับ รวมเงินจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีนี้ไปจากศาล
ตัวอย่างคำฟ้องบริษัทประกันชีวิต
ข้อ ๑.โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์จากการที่ นาย อ. บิดาโจทก์ได้ประกันชีวิตโดยซื้อประกันชีวิตกับบริษัทจำเลยที่ ๒ โดยการเป็นนายหน้าชี้ช่องของจำเลยที่ ๑ โจทก์จึงเป็นผู้รับประโยชน์ในฐานะผู้บริโภค
จำเลยที่ ๑ เป็นเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร ทะเบียนเลขที่ ๐๑๐++++๑๕+++๕ เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยใช้ชื่อว่า บริษัท ท.อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการ (๑) ประกอบกิจการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย มีกรรมการสามคน ซึ่งกรรมการสองคนลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทกระทำการแทนบริษัทได้ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองจดทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๑
จำเลยที่ ๒ เป็นเป็นนิติบุคคล จดทะเบียน ณ เบอร์มิวดา ทะเบียนนิติบุคคลเลขที่ ๐๑๐++++๐๐+++๒ ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๐ ใบอนุญาตเลขที่ ๑๗๕+++++๓๖ โดยใช้ชื่อว่า อ.โอเวอร์ซีส์ อินชัวรันซ์ คอมปานี ลิมิเต็ด ธุรกิจที่ได้รับอนญาต คือ บัญชีสาม (๒๑) การทำธุรกิจบริการประกันวินาศภัยทุกประเภท มีผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานในประเทศไทย คือ นางสาว ฟ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองข้อความที่นายทะเบียนเก็บรักษาไว้ เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒
จำเลยที่ ๑ มีอาชีพนายหน้าประกันวินาศภัย กับจำเลยที่ ๒ มีอาชีพทำธุรกิจบริการประกันวินาศภัยทุกประเภท มีประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดีนี้ในการประกอบธุรกิจร่วมกัน กล่าวคือ จำเลยที่ ๑ ซึ่งมีอาชีพนายหน้าประกันวินาศภัย ได้ชี้ช่องชักชวนให้บิดาโจทก์ให้เข้าทำสัญญาประกันชีวิตโดยมีและได้รับบำเหน็จค่านายหน้าจากจำเลยที่ ๒ ซึ่งมีอาชีพทำธุรกิจบริการประกันวินาศภัยทุกประเภท โดยได้รับชำระเงินค่าประกันชีวิตจากบิดาโจทก์ ดังนั้น จึงถือได้ว่าจำลยทั้งสองมีประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดีตามประมวลกฎหมายิวธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๕๙ จำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ผู้บริโภคตามสัญญา
ข้อ ๒. เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๕ นาย อ. บิดาโจทก์ได้รับบริการการชี้ช่องชักชวนจากพนักงานของจำเลยที่ ๑ ที่ห้าง ล. สาขานครราชสีมา เพื่อให้ตกลงทำสัญญาประกันชีวิตจากบริษัทจำเลยที่ ๒ โดยนาย อ. บิดาโจทก์ตกลงสมัครเอาประกันชีวิตกับจำเลยที่ ๒ ตามแบบฟอร์มการลงทะเบียนแผนประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ชดเชยรายวันและโรคมะเร็ง ทุนประกันภัย ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) รายละเอียดปรากฏตามแบบฟอร์มการลงทะเบียนแผนประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ชดเชยรายวันและโรคมะเร็ง เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๓ พร้อมทั้งชำระเบี้ยประกันงวดแรกให้แก่จำเลยที่ ๑ ในวันดังกล่าว ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ จำเลยที่ ๒ ได้ออกกรมธรรม์ ตามสัญญาให้แก่บิดาโจทก์ โดยระบุว่าจำเลยที่ ๑ ซึ่งมีใบอนุญาตเลขที่ ++/๒๕๔๘ เป็นนายหน้าประกันภัย รายละเอียดปรากฏตามกรมธรรม์ประกันภัย เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๔ บิดาโจทก์ได้ชำระเบี้ยประกันชีวิตให้จำเลยที่ ๒ โดยตลอดเรื่อยมา
ข้อ ๓. เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗ บิดาโจทก์ผู้เอาประกันชีวิต ได้เสียชีวิตด้วยสาเหตุจาก มะเร็งปอด ตามเงื่อนไขการประกันชีวิต รายละเอียดปรากฏตามมรณบัตร เอกสารท้าฟ้องหมายเลข ๕ โจทก์ผู้รับประโยชน์ได้ติดต่อและทวงถามให้จำเลยทั้งสอง ปฏิบัติตามสัญญาประกันชีวิต เพื่อชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) แต่จำเลยทั้งสอง ปฏิเสธในการที่จะปฏิบัติตามสัญญา
ต่อมาโจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชดใช้เงินค่าสินไหมทดแทน ดังกล่าวแก่โจทก์หลายครั้งหลายหน จำเลยทั้งสองเพิกเฉยตลอดมาจนบัดนี้ โจทก์จึงขอคิดค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) นับแต่วันถัดจากวันที่บิดาโจทก์ได้เสียชีวิตไปคือวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ จนถึงวันฟ้องนี้เป็นดอกเบี้ยจำนวน ๔๓,๗๕๐ บาท (สี่หมื่นสามพันเจ็ดร้อยห้าสิบบาทถ้วน) รวมเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยจำนวนทั้งสิ้น ๑,๐๔๓,๗๕๐ บาท (หนึ่งล้านสี่หมื่นสามพันเจ็ดร้อยห้าสิบบาทถ้วน) ซึ่งโจทก์ขอถือเอาเป็นทุนทรัพย์ในการฟ้องคดีนี้
โจทก์ไม่มีทางใดที่จะบังคับจำเลยทั้งสองให้ชดใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตจากจำเลยทั้งสองได้ จึงต้องฟ้องเป็นคดีนี้ต่อศาล โดยขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด