เมื่อถูกฟ้องแล้วจะทำอย่างไร?
เมื่อศาลรับฟ้องแล้ว โจทก์มีหน้าที่จะต้องนำหมายส่งสำเนาคำฟ้องให้จำเลย เพื่อให้จำเลยทราบคำฟ้องของโจทก์ เพราะถ้าไม่มีการนำส่งหมายและสำเนาคำฟ้อง จำเลยก็ไม่ทราบว่าตนถูกฟ้อง จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ทั้งนี้ จำเลยอาจต่อสู้คดีหรือจะยอมรับตามที่โจทก์ฟ้องก็ได้ ไม่บังคับว่าต้องต่อสู้คดีเสมอไป ถ้าจำเลยมีความประสงค์จะให้การต่อสู้คดีจำเลยก็ต้องยื่นคำให้การจำเลยเป็นหนังสือต่อศาลภายใน ๑๕ วัน แต่ถ้าศาลสั่งให้ส่งคำฟ้องทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับให้ถือว่าการส่งโดยเจ้าพนักงานไปรษณีย์ดังกล่าว มีผลเสมือนเจ้าพนักงานศาลเป็นผู้ส่งซึ่งจำเลยจะต้องยื่นคำให้การภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันรับสำเนาคำฟ้อง และนี่คือปัญหาของจำเลยในคดีแพ่ง
คำให้การจำเลยนั้นต้องจัดทำอย่างไร?
ลักษณะของคำให้การจำเลยตามกฎหมาย คือ
(๑) ต้องทำเป็นหนังสือ คำให้การในคดีแพ่งสามัญทั่วไปจะต้องทำเป็นหนังสือเสมอ เว้นแต่คดีมโนสาเร่ที่จำเลยจะให้การด้วยวาจาก็ได้ แต่ในทางปฏิบัติการทำคำให้การเป็นหนังสือนั้นบังคับให้ใช้แบบพิมพ์ของศาลซึ่งต้องระบุรายละเอียดตามรายการที่ปรากฏอยู่ในแบบพิมพ์คำให้การให้ครบถ้วน
(๒) ต้องมีข้อความว่าจะรับหรือปฏิเสธข้อหาของโจทก์ให้ชัดแจ้ง ในการยื่นคำให้การนั้น จำเลยจะให้การยอมรับหรือปฏิเสธโดยการยกข้อต่อสู้เป็นประการใดก็สุดแล้วแต่ความพอใจของจำเลย แต่ในชั้นชี้สองสถาน ศาลจะพิจารณาว่า ถ้าให้การไม่มีประเด็นก็ไม่มีประเด็นจะต้องสืบพยาน หรือจำเลยไม่ให้การปฏิเสธ กฎหมายก็ให้ถือว่าจำเลยรับตามฟ้อง จำเลยก็ไม่มีประเด็นที่จะสืบพยานต่อสู้คดี จำเลยก็อาจแพ้คดีไป
คำให้การจำเลย แบ่งออกเป็น ๒ ประเภทด้วยกัน คือ
๑ คำให้การจำเลยปฏิเสธฟ้อง
๒ คำให้การจำเลยรับตามฟ้อง
๑ คำให้การจำเลยปฏิเสธฟ้อง ซึ่งได้แก่
๑.๑ คำให้การปฏิเสธที่ไม่ได้แสดงเหตุผลประกอบหรือที่เรียกกันว่าคำให้การปฏิเสธลอย เป็นคำให้การไม่ก่อให้เกิดประเด็นในการนำสืบแก่จำเลย แต่โจทก์ยังคงมีหน้าที่นำสืบให้ได้ข้อเท็จจริงตามฟ้องอยู่
๑.๒ คำให้การปฏิเสธที่แสดงเหตุผลประกอบ เป็นคำให้การที่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทที่จำเลยนำพยานเข้าสืบตามต่อสู้คดีของตนได้
๑.๓ คำให้การปฏิเสธที่ยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ เป็นคำให้การที่ยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่โดยแสดงเหตุผลประกอบด้วย และต้องเป็นเหตุผลที่อาจทำให้ชนะคดีได้ ถ้าไม่อาจทำให้ชนะคดีได้ย่อมไม่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาท อาจเป็นคำให้การที่ไม่ชอบได้
๒ คำให้การจำเลยรับตามฟ้อง ซึ่งได้แก่
๒.๑ คำให้การรับโดยชัดแจ้ง
๒.๒ คำให้การที่ถือว่าเป็นคำให้การรับ ซึ่งได้แก่
(ก) ข้ออ้างตามที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องข้อใดที่จำเลยมิได้กล่าวปฏิเสธถือว่าจำเลยให้การรับ
(ข) คำให้การที่ขัดกันเองก็เป็นคำให้การที่ไม่ชอบ ถือว่าจำเลยให้การรับตามฟ้อง
สำหรับเหตุผลการปฏิเสธที่อ้างแล้วอาจทำให้ชนะคดีได้มีหลายกรณี
จำเลยจำเป็นต้องยื่นคำให้การจำเลยเพื่อต่อสู้คดีภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด มิฉะนั้นอาจเสียสิทธิในการต่อสู้คดี แม้จำเลยได้แสดงความประสงค์ที่จะให้มีการไกล่เกลี่ยคดีแล้วก็ตาม
เหตุผลที่อาจอ้างในคำให้การจำเลยที่ปฏิเสธฟ้องโจทก์และสู้คดีมีดังนี้
(๑) อ้างว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย
(๒) อ้างว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
(๓) อ้างว่าโจทก์ฟ้องซ้ำหรือฟ้องซ้อน
(๔) อ้างว่าคดีขาดอายุความ
(๕) อ้างว่าโจทก์ไม่สุจริต หรือใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
(๖) อ้างว่าเอกสารปลอม
(๗) อ้างว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ผิดเงื่อนไข
(๘) อ้างว่าโจทก์กระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
(๙) อ้างว่าใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่สมบูรณ์
(๑๐)อ้างความไม่สมบูรณ์ของนิติกรรม
(๑๑) อ้างข้อยกเว้นความรับผิด
(๑๒) อ้างเหตุที่ทำให้หนี้ระงับและจำเลยหลุดพ้นความรับผิด
ตัวอย่างคำให้การจำเลยและประเด็นข้อพิพาท
คำให้การจำเลยคดีละเมิด
๑. ฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ กล่าวคือ...
๒. โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย กล่าวคือ…
๓. ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ๑ ปี ตาม ป.พ.พ. ๔๔๘ วรรคแรก กล่าวคือ...
๔. จำเลยมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ กล่าวคือ...
๕. เมื่อจำเลยมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้อง และค่าเสียหายนั้นสูงเกินกว่าความเป็นจริง กล่าวคือ...
ประเด็นข้อพิพาท
๑. ฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?
๒. โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่?
๓. ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่?
๔. จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่?
๕.จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์หรือไม่เพียงใด?
คำให้การจำเลยคดีผิดสัญญา
๑. ฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ กล่าวคือ...
๒. โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย กล่าวคือ…
๓. ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ปี ตาม ป.พ.พ. กล่าวคือ...
๔. จำเลยมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาต่อโจทก์ กล่าวคือ...
๕. เมื่อจำเลยมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาต่อโจทก์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดคืนค่าปรับให้โจทก์ หรือจำเลยจึงไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือดอกเบี้ยให้กับโจทก์
ประเด็นข้อพิพาท
๑. ฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?
๒. โจทก์มีอำนาจฟ้องขอคืนค่าปรับจากจำเลยหรือไม่?
๓. ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่?
๔. จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาต่อโจทก์หรือไม่?
๕. จำเลยต้องรับผิดคืนค่าปรับหรือชดใช้ค่าเสียหายหรือดอกเบี้ยให้แก่โจทก์หรือไม่เพียงใด?
เมื่อถูกฟ้องเป็นจำเลยคดีแพ่งแล้ว การทำคำให้การจำเลยต่อสู้คดีมีผลสำคัญต่อการกำหนดประเด็นในศาล (ชั้นชี้สองสถาน) โดยศาลจะพิจารณาดูว่าคำให้การจำเลยที่ยื่นต่อศาลมีข้อเท็จจริงที่จะก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทหรือไม่ ซึ่งศาลจะดูคำฟ้อง คำให้การจำเลยเป็นเกณฑ์ว่าตามที่โจทก์ฟ้องและจำเลยให้การมานี้ มีข้อพิพาทเป็นประเด็นหรือไม่ หากเรียงคำให้การจำเลยไม่เป็นและไม่ดีพอ ศาลเห็นว่าคำให้การจำเลยดังกล่าวไม่มีประเด็นก็อาจถือว่าจำเลยยอมรับก็ได้ทำให้รูปคดีของจำเลยเสียเปรียบ เรื่องการเรียงคำให้การจำเลยจึงมีความสำคัญมาก ซึ่งเรายินดีและเต็มใจจะจัดทำสิ่งที่สำคัญมากนี้ให้ท่าน เพื่อท่านสามารถต่อสู้คดีด้วยตนเองได้ และเราช่วยให้ท่านสู้คดีได้ด้วยตนเองแบบครบวงจร