ตัวอย่างคำฟ้องที่เอสเอ็มอีฟ้องคดีผู้บริโภคได้เอง
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ต้องทวงหนี้การค้า หรือเรียกเก็บหนี้การค้าไม่ได้ สามารถฟ้องคดีได้เองโดยรวดเร็วและประหยัด โดยดำนินคดีผู้บริโภค
ตัวอย่างคำฟ้องอย่างง่ายๆ ที่ผู้ประกอบการสามารถให้ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ไปดำนินการได้เองเลย โดยปรับข้อเท็จจริงให้เข้ากับความจริงที่เกิดขึ้น ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะเป็นคดีผู้บริโภคที่ผู้ประกอบการฟ้องคดีได้เอง เช่น คำฟ้องเรียกค่าสินค้าดังนี้
ข้อ ๑. โจทก์เป็นผู้ขายและเป็นผู้ให้บริการโดยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยใช้ชื่อว่า บริษัท ....จำกัด มีวัตถุประสงค์ในการ เพื่อการจำหน่ายเพื่อให้รับบริการมีกรรมการหนึ่งคนคือ.....กรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัทได้คือ.....ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทกระทำการแทนบริษัทได้ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองจดทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๑ โจทก์จึงเป็นผู้ขายตามกฎหมาย
จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยใช้ชื่อว่า บริษัท...... จำกัด มีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจตลอดจน มีกรรมการสามคน กรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัทได้คือกรรมการสองคนลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทกระทำการแทนบริษัทได้ โดยจำเลยเป็นผู้ซื้อและต้องผู้ชำระค่าเงินค่าสินค้าให้แก่โจทก์ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองจดทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒
ข้อ ๒. จำเลยได้สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ดังนี้
เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ จำเลยได้สั่งซื้อหมึกสีต่างๆ จำนวน ๔ กล่องจากโจทก์ ราคา ๑๘,๓๒๙.๑๐ บาท โดยโจทก์ได้นำสินค้าไปส่งให้จำเลยเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ พร้อมใบวางบิล เลขที่ BI ๐๐๕๙๐๔๖ (ใบแจ้งหนี้) และจำเลยได้รับสินค้าและใบวางบิลไว้เรียบร้อยแล้ว โดยกำหนดชำระเงินในวันที่ ปรากฏตาม เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๔
เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ จำเลยได้สั่งซื้อหมึกสีต่างๆ จำนวน ๔ กล่องจากโจทก์ ราคา ๑๘,๓๒๙.๑๐ บาท โดยโจทก์ได้นำสินค้าไปส่งให้จำเลยเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ พร้อมใบวางบิล เลขที่ BI ๐๐๕๙๑๐๔ (ใบแจ้งหนี้) และจำเลยได้รับสินค้าและใบวางบิลไว้เรียบร้อยแล้ว โดยกำหนดชำระเงินในวันที่ ปรากฏตาม เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๕
ข้อ ๓. ภายหลังจากที่จำเลยได้สั่งซื้อสินค้าหมึกพิมพ์ ๒ ครั้งดังกล่าวข้างต้นแล้ว เมื่อถึงวันนัดชำระเงินจำเลยไม่ยอมชำระเงินให้แก่โจทก์แต่อย่างใด ต่อมาโจทก์ได้พยายามติดตามทวงถามจำเลยแล้วแต่จำเลยก็ยังคงเพิกเฉย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการผิดสัญญาซื้อขายและไม่ชำระค่าสินค้าให้โจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์หลายครั้ง จำเลยเพิกเฉย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการผิดสัญญาและทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้รับเงินค่าสินค้าจำนวน ๓๖,๖๕๘.๒๐ บาท
จำเลยจึงต้อชำระเงินค่าสินค้าเงินจำนวน ๓๖,๖๕๘.๒๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีของจำนวนเงินดังกล่าวนับแต่วันนัดชำระเงินคือวันที่ จนกว่าจะชำระค่าสินค้าแก่โจทก์เสร็จสิ้น
โจทก์ไม่มีทางใดที่จะบังคับให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้าให้แก่โจทก์ได้จึงต้องฟ้องเป็นคดีนี้ขอให้ศาลบังคับ จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลนี้และมูลคดีเกิดที่สำนักงานของจำเลยซึ่งอยู่ในเขตศาลนี้ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
คำขอท้ายฟ้องคดีผู้บริโภค ขอศาลโปรดออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้
๑. ให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้าจำนวน ๓๖,๖๕๘.๒๐ บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีของต้นเงินจำนวน ๓๖,๖๕๘.๒๐ บาท นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จสิ้นแกโจทก์
๒.ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ด้วย
๓. ให้จำเลยกระทำหรืองดเว้นการกระทำ –
๔.ให้จำเลยส่งมอบสิ่งของ –
๕.อื่นๆ –
ข้าพเจ้าได้ยื่นมาพร้อมสำเนาโดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย หนึ่ง ฉบับและรอฟังคำสั่งอยู่ หากไมรอถือว่าทราบแล้ว