.jpg) |
เรื่อง ละเมิดสิทธิของผู้บริโภคและเรียกค่าเสียหาย
ข้อ ๑. โจทก์เป็นผู้ป่วยที่เข้ารับการบริการรักษาพยาบาลและผ่าตัด ที่โรงพยาบาล....
จำเลยที่ ๑ เป็นศัลยแพทย์ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่จากโรงพยาบาล...ให้ทำหน้าที่รักษาและผ่าตัด ที่โรงพยาบาล
จำเลยที่ ๒ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยใช้ชื่อว่า บริษัท โรงพยาบาล.... จำกัด มีวัตถุประสงค์ในการ (๑๖) ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน สถานพยาบาล รับรักษาคนไข้และผู้ป่วยเจ็บ รับทำการฝึกสอนและอบรมทางด้านวิชาการเกี่ยวกับการแพทย์ การอนามัย อันเป็นการรับจัดทำการงาน การให้สิทธิใดๆ หรือการให้ใช้ หรือให้ประโยชน์ในทรัพย์สินหรือกิจการใดๆโดยเรียกค่าตอบแทนเป็นเงิน หรือผลประโยชน์อื่น โดยมี นาย ... เป็นกรรมการซึ่งกรรมการหนึ่งคนลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทกระทำการแทนบริษัทได้ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองจดทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๑
ข้อ ๒. เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ โจทก์ได้เข้ารับบริการรักษาพยาบาลและผ่าตัดมดลูกเนื่องจากมดลูกเป็นเนื้องอก ที่โรงพยาบาล...ซึ่งเป็นกิจการของจำเลยที่ ๒ โดยโจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ ๒ ทำการรักษาและยอมให้ผ่าตัดมดลูกเพื่อเอาเนื้องอกกออกเท่านั้น ในวันดังกล่าว โรงพยาบาล....ได้มอบหมายหน้าที่รักษาและผ่าตัดมดลูกของโจทก์ให้แก่จำเลยที่ ๑ แต่จำเลยที่ ๑ ได้กระทำการผ่าตัดโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งในภาวะเช่นจำเลยที่ ๑ นั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และจำเลยที่ ๑ อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่จำเลยที่ ๑ หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ กล่าวคือ ในขณะที่จำเลยที่ ๑ ทำการรักษาและผ่าตัดมดลูกผ่านกล้อง จำเลยที่ ๑ ต้องระมัดระวังในการผ่าตัดเพื่อมิให้ใบมีดแฉลบไปถูกอวัยวะอื่นของโจทก์ แต่จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นศัลยแพทย์ขาดความระมัดระวังอย่างเพียงพอ ทำให้ใบมีดที่ใช้ในการผ่าตัดแฉลบไปถูกที่ไตทั้งสองข้างของโจทก์เป็นเหตุให้ไตของโจทก์รั่ว เลือดไหลออกไม่หยุด เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสต้องทุพลภาพหรือป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต จนต้องผ่าตัดฝังไตข้างใหม่และต้องใส่สายยางดูดของเสียในร่างกายออก เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส และต่อมาโรงพยาบาล...ไม่มีความสามารถในการรักษาโจทก์ต่อไปจึงได้ส่งตัวโจทก์ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล....รายละเอียดปรากฏตาม เอกสารการแพทย์สรุปประวัติการรักษาเพื่อสงตัวผู้ป่วยของโรงพยาบาล...เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒
หลังจากออกจาโรงพยาบาลแล้ว โจทก์ไม่สามารถดำรงชีวิตตามปกติได้ อันเป็นผลเนื่องมาจากการกระทำด้วยความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ ๑ เพราะโจทก์มีอาการบาดเจ็บภายในรางกาย ไม่สามารถทำงานหนักได้ ไม่สามารถเดินและยืนเป็นเวลานานๆได้ มีน้ำปัสสาวะซึมและไหลออกจากร่างกายตลอดเวลา เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถประกบอาชีพเดิมของโจทก์คือ ค้าขายเสื้อผ้า
ข้อ ๓. ผลจากการกระทำด้วยความประมาทดังกล่าวของจำเลยที่ ๑ ตามฟ้องข้อ ๒. เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ผู้บริโภค ซึ่งจำเลยที่ ๑ จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ผู้ริโภคดังนี้
๓.๑ ค่าเสียหายที่จำเลยที่ ๑ ได้กระทำให้โจทก์ ผู้บริโภคเสียหายแก่ร่างกายอันเป็นค่าทุกข์ทรมานแก่ร่างกาย ที่ต้องทำการผ่าตัดแก้ไข ใส่ท่อพลาสติก ต้องใช้จ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลอาการบาดเจ็บดังกล่าว จำนวน ๑๐ ครั้ง ครั้งละ ๖๐,๐๐๐ บาท เป็นเงินทั้งสิ้น ๖๐๐,๐๐๐ บาท
๓.๒ ค่าเสียหายที่จำเลยที่ ๑ ได้กระทำให้โจทก์ ผู้บริโภคเสียหายแก่ร่างกายอันเป็นค่าทุกข์ทรมานแก่จิตใจ ที่ต้องมีอาการทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิตเป็นเงินทั้งสิ้น ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท
๓.๓ ค่าเสียหายที่จำเลยที่ ๑ ได้กระทำให้โจทก์ ผู้บริโภคเสียหายแก่ร่างกายอันเป็นค่าเสียหายที่เป็นค่ารักษาไตรั่วในอนาคตเป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท
๓.๔ ค่าเสียหายที่จำเลยที่ ๑ ได้กระทำให้โจทก์ ผู้บริโภคเสียหายแก่ร่างกายอันค่าเสียหายในการขาดหรือสูญเสียความสุขสำราญจากความรู้สึกที่ดี ต้องทุกข์ทรมานไม่สามารถประกอบอาชีพได้ดังเดิมเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท ปีละ ๑๒๐,๐๐๐ บาท เป็นเวลา ๑๐ ปี เป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท
รวมเป็นเงินค่าเสียหายที่จำเลยที่ ๑ ต้องชดใช้ให้แก่โจทก์ ผู้บริโภคเป็นเงินจำนวน ๖,๓๐๐,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน สถานพยาบาล รับรักษาคนไข้และผู้ป่วยเจ็บ โดยเรียกค่าตอบแทนเป็นเงิน หรือผลประโยชน์อย่างอื่น ในขณะเกิดเหตุและในทางการจ้างของจำเลยที่ ๑ นั้น เมื่อจำเลยที่ ๒ ได้มอบหมายหน้าที่ในการรักษาผ่าตัดโจทก์โดยเก็บค่ารักษาพยาบาลเป็นเงินจากโจทก์ ตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ ๒ เมื่อจำเลยที่ ๑ ทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยที่ ๒ จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ในผลแห่งละเมิดนั้นอย่างลูกหนี้ร่วม
โจทก์ไม่สามารถบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแก่โจทก์ด้วยวิธีอื่นได้ จึงต้องนำคดีมาฟ้องเพื่อขอให้ศาลบังคับจำเลยตามฟ้อง
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
คำขอท้ายฟ้องคดีผู้บริโภค
ขอศาลโปรดออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้
๑.ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันและแทนกันชำระเงินจำนวน ๖,๓๐๐,๐๐๐ บาท (หกล้านสามแสนบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีของต้นเงินจำนวน ๖,๓๐๐,๐๐๐ บาท (หกล้านสามแสนบาทถ้วน) นับถัดจากฟ้องเรื่อยไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
๒.ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันและแทนกันชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์
๓.ให้จำเลยกระทำการหรืองดเว้นกระทำการ
๔.ให้จำเลยส่งมอบสิ่งของ
ข้าพเจ้ายื่นมาพร้อมสำเนาโดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย สอง ฉบับและรอฟังคำสั่งอยู่หากไม่รออยู่ถือว่าทราบแล้ว
..........โจทก์
ข้าพเจ้า เจ้าพนักงานคดี/ผู้บันทึก
ข้าพเจ้า นาย ม. ทนายความ ใบอนุญาตเลขที่...../๒๕๕๐ ผู้เรียง/พิมพ์
นาย ม. ผู้เรียง/พิมพ์