.jpg) |
ฐานความผิด พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจาร , พาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจารแม้เด็กนั้นจะยินยอมก็ตาม , กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึงมิใช่ภรรยาของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
ข้อ ๑. จำเลยนี้ได้บังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ
(ก)เมื่อระหว่างวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ นาฬิกา ถึงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จำเลยนี้โดยปราศจากเหตุอันสมควรได้บังอาจพรากเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ อายุ ๑๔ ปี ๒ เดือน (เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๗) ซึ่งเป็นบุตรสาว นาง ส. กับนาย จ. ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากความปกครองดูแลของนาง จ.ผู้เสียหายที่ ๒ ซึ่งเป็นยายของผู้เสียหายที่ ๑
(ข)เมื่อระหว่างวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ เวลากลสงคืนหลังเที่ยง ถึงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จำเลยนี้โดยปราศจากเหตุอันสมควรได้บังอาจพรากเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ อายุ ๑๔ ปี ๒ เดือน (เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๗) ซึ่งเป็นบุตรสาว นาง ส. กับนาย จ. ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากความปกครองดูแลของนาง จ.ผู้เสียหายที่ ๒ ซึ่งเป็นยายของผู้เสียหายที่ ๑
(ค)เมื่อระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ เวลากลางคืนหลังเที่ยงถึงวันที่ ๒๘ธันวาคม ๒๕๕๔ เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จำเลยนี้โดยปราศจากเหตุอันสมควรได้บังอาจพรากเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ อายุ ๑๔ ปี ๒ เดือน (เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๗) ซึ่งเป็นบุตรสาว นาง ส. กับนาย จ. ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากความปกครองดูแลของนาง จ.ผู้เสียหายที่ ๒ ซึ่งเป็นยายของผู้เสียหายที่ ๑ ทั้งนี้เพื่อการอนาจาร
(ง)ตามวันเวลาเกิดเหตุดังกล่าวในฟ้องข้อ ๑ (ค) จำเลยได้บังอาจพาเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ อายุ ๑๔ ปี ๒ เดือน (เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๗) ซึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร โดยเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ นั้นยินยอม
(จ)ตามวันเวลาเกิดเหตุดังกล่าวในฟ้องข้อ ๑ (ค) จำเลยได้บังอาจกระทำอนาจารแก่เด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ อายุ ๑๔ ปี ๒ เดือน (เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๗) ซึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยกอดจูบตามร่างกายของเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ โดยเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ นั้นยินยอมแล้วจำเลยได้บังอาจกระทำชำเราเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ อายุ ๑๔ ปี ๒ เดือน ซึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภรรยาโดยเอาอวัยวะเพศของจำเลยสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ แล้วชักเข้าชักออกจนสำเร็จความใคร่ของจำเลย จำนวน ๑ ครั้งโดยเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ นั้นยินยอม
(ฉ)เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ เวลากลางคืนก่อนเที่ยงถึงเวลากลางวันต่อเนื่องกันจำเลยนี้โดยปราศจากเหตุอันสมควรได้บังอาจพรากเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ อายุ ๑๔ ปี ๒ เดือน (เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๗) ซึ่งเป็นบุตรสาว นาง ส. กับนาย จ. ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากความปกครองดูแลของนาง จ.ผู้เสียหายที่ ๒ ซึ่งเป็นยายของผู้เสียหายที่ ๑ ทั้งนี้เพื่อการอนาจาร
(ช)ตามวันเวลาเกิดเหตุดังกล่าวในฟ้องข้อ ๑ (ฉ) จำเลยได้บังอาจพาเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ อายุ ๑๔ ปี ๒ เดือน (เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๗) ซึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร โดยเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ นั้นยินยอม
(ซ)เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ เวลากลางวันจำเลยได้บังอาจกระทำอนาจารเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ อายุ ๑๔ ปี ๒ เดือน (เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๗) ซึ่งเป็นบุตรสาว นาง ส. กับนาย จ. ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยกอดจูบตามร่างกายเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ โดยเด็กหญิง ศ. ผู้เสียหายที่ ๑ นั้นยินยอม
เหตุตามฟ้องข้อ ๑ (ก) , (ข) , (ค) , (ง) , (จ) , (ฉ) , (ช) และ (ซ) เกิดที่ตำบลหนองบัว อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
ข้อ ๒. ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๕ เจ้าพนักงานจับจำเลยได้ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนแล้ว
ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ คดีมีมูล
ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวในวันถูกจับและต่อมในวันเดียวกนได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวไปชั่วคราวตลอดมา ได้ส่งตัวจำเลยมาศาลพร้อมฟ้องนี้ด้วยแล้ว
อนึ่งหากจำเลยขอประกันตัวขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล
คำขอท้ายฟ้องอาญา
การที่จำเลยได้กระทำตามข้อความที่กล่าวมาในคำฟ้องนั้น ข้าพเจ้าถือว่าเป็นความผิดต่อกฎหมายและบทมาตราดังนี้ คือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ , ๒๗๗ , ๒๗๙ , ๒๘๓ ทวิ , ๓๑๗ , พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔ , พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๓๐ มาตรา ๔ , ๗ , พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๕ , พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓
ขอศาลได้พิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายและขอศาลได้สั่ง..
ข้าพเจ้าได้ยื่นสำเนาคำฟ้อง โดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย หนึ่ง ฉบับ และรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว
โจทก์
คำฟ้องฉบับนี้ข้าพเจ้านาย พนักงานอัยการจังหวัดรัตนบุรี เป็นผู้เรียง
ผู้เรียง
คำฟ้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า ตำแหน่ง เป็นผู้เขียนหรือพิมพ์
ผู้เขียน หรือพิมพ์