.jpg) |
คำฟ้องเช่นนี้ทำให้รูปคดีของโจทก์แพ้ทันทีเมื่อจำเลยยื่นคำให้การ
ข้อ ๑.โจทก์เป็นนิติบุคคล ตามกฎหมายประเภท บริษัท มหาชน จำกัด ใช้ชื่อในการประกอบกิจการว่า บริษัท กรุงไทย จำกัด(มหาชน) โดยได้รับอนุญาตให้ประกอบ ธุรกิจสินเชื่อบัตรเครดิต, สินเชื่อบุคคล และสินเชื่ออื่นๆ โดยจดทะเบียนให้กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกัน และประทับตราสำคัญของบริษัท เพื่อกระทำการแทนและผูกพันบริษัทได้ รายละเอียดปรากฎตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือรับรองของบริษัท เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๑
ในการดำเนินคดีนี้ โจทก์โดยนางสาว พ. และ นาย น. กรรมการผู้มีอำนาจ ได้แต่งตั้งให้ นาย ป. หรือ นาย พ. หรือ นาย ท. เป็นผู้รับมอบอำนาจในการดำนเนินคดีนี้แทนโจทก์ รวมทั้งให้มีอำนาจมอบอำนาจช่วงได้ด้วย รายละเอียดปรากฎตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจ เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒
คดีนี้ นาย ท. ผู้รับมอบอำนาจ ได้มอบอำนาจช่วง ให้แก่ นาย ย. หรือนาย ป. หรือ นาย ว. หรือ นาย ว. หรือ นาย ย. คนใดคนหนึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจช่วง ในการดำเนินคดีแทนโจทก์ รายละเอียดปรากฎตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจช่วง เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๓
โจทก์ได้รับอนุญาตจากการกระทรวงการคลัง ให้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต และประกอบธุรกิจสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับ สำหรับผู้ประกอบธุรกิจ ที่มิใช่สถาบันการเงิน ตามประกาศกระทรวงการคลัง และ ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย รายละเอียดปรากฎตามสำเนาภาพถ่ายหนังสืออนุญาตให้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับ เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๔
ในการคิดดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ตามสัญญาสินเชื่อบัตรเครดิต โจทก์คิดดอกเบี้ยกับจำเลยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี ต่อมาโจทก์ได้เปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินเป็นอัตราร้อยละ ๕ ต่อปี ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๐ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งการกำหนดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมดังกล่าวโจทก์อาศัยอำนาจตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยและประกาศของโจทก์ โดยโจทก์ได้แจ้งการปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยค่าธรรมเนียมอื่นๆ และบรรดาค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้แก่จำเลยทราบทุกเดือน ซึ่งจำเลยได้รับแล้วไม่โต้แย้งคัดค้านแต่ประการใด และสำหรับการคิดดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ตามสัญญาสินเชื่อบุคคลและสินเชื่อพร้อมใช้ โจทก์คิดคำนวณโดยอาศัยอำนาจตามประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย และประกาศของโจทก์ โดยโจทก์ได้แจ้งการปรับปรุงอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมอื่นๆ และบรรดาค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้แก่จำเลยทราบทางรายงานการเดินบัญชี และ/หรือ ทางใบแจ้งหนี้ในแต่ละเดือนให้จำเลยทราบ ซึ่งจำเลยทราบแล้วไม่โต้แย้งคัดค้านแต่ประการใด รายละเอียดปรากฎตามสำเนาประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย และประกาศของโจทก์ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลย ๕ – ๖
นาย ภ. หรือ นาย ธ. ได้ถึงแก่ความตายแล้ว โดยจำเลยเป็นคู่สมรสของนาย ภ. หรือ นาย ธ. รายละเอียด ซึ่งโจทก์ขอนำสืบชั้นพิจารณา
ข้อ ๒. นาย ภ. หรือ นาย ธ. ได้ยื่นคำขอสมัครบัตรเครดิตไว้กับโจทก์ ต่อมาเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๔๘ โจทก์ได้อนุมัติให้นาย ภ. หรือ นาย ธ. เป็นสมาชิกบัตรเครดิต หมายเลข ๔๓๙๑ ๓๗๐๐ ๐๕๙๒ ๘๗๐๖ โดยอนุมัติวงเงินสินเชื่อจำนวน ๑๕๐,๐๐๐.๐๐ บาท โดยมีข้อตกลงและเงื่อนไขในการใช้บัตรเครดิตเพื่อซื้อสินค้าและบริการต่างๆ แทนเงินสด ณ สถานที่ประกอบการค้าที่มีข้อตกลงกับโจทก์ หรือเบิกถอนเงินสดจากเครื่องฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ (เอ.ที.เอ็ม) หรือเคาน์เตอร์ของธนาคารที่มีข้อตกลงกับโจทก์ และเมื่อร้านค้าสมาชิกหรือสถานประกอบการค้าที่รับบัตรเครดิตส่งยอดรายการซื้อสินค้าหรือยอดเบิกเงินสดมาเรียกเก็บเงิน โจทก์จะเป็นผู้ชำระเงินให้กับทางร้านค้าแทนนายภาณุรุจ หรือ ธนเดช ชาวชายโขงไปก่อนและจะเรียกเก็บเงินจากจำเลยในภายหลัง โดยจะส่งใบแจ้งหนี้ยอดรายการซื้อสินค้าและบริการ ตลอดจนการเบิกถอนเงินสดให้จำเลยทราบทุกรอบเดือน เพื่อให้จำเลยนำเงินมาชำระให้กับโจทก์ตามจำนวนเงินที่เรียกเก็บ และหากโจทก์เรียกเก็บเงินไม่ได้หรือจำเลยชำระไม่ครบถ้วนตามจำนวนเงินที่ค้างชำระ นายภาณุรุจ หรือ ธนเดช ชาวชายโขงยินยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดซึ่งปรับขึ้น – ลงตามประกาศของโจทก์ และประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่โจทก์พึงเรียกเก็บได้นับแต่วันที่ค้างชำระจนถึงวันชำระหนึ้เสร็จสิ้น รายละเอียดปรากฎตามสำเนาใบสมัครบัตรเครดิตพร้อมข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บัตรเครดิต ซึ่งโจทก์ขอนำสืบชั้นพิจารณา
ภายหลังจากนาย ภ. หรือนาย ธ. ได้รับอนุมัติให้ใช้บัตรเครดิตจากโจทก์แล้วนาย ภ. หรือนาย ธ. ได้ใช้บัตรเครดิตตามที่โจทก์ออกให้เบิกเงินสดผ่านเครื่องฝาก – ถอน อัตโนมัติ รวมทั้งใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าและบริการแทนเงินสดจากร้านค้าที่เป็นสมาชิกของโจทก์หลายครั้งหลายหน ซึ่งทางร้านค้าได้ส่งหลักฐาน หรือรายการแสดงการใช้บัตรเครดิตของนาย ภ. หรือนาย ธ. มาเรียกเก็บจากโจทก์ และโจทก์ได้ทดรองจ่ายเงินให้แก่ทางร้านค้าและธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นที่เป็นสมาชิกตามจำนวนที่ปรากฎในหลักฐานดังกล่าวทุกครั้ง และทุกรอบบัญชี โดยโจทก์ได้จัดสงรายการใบแจ้งหนี้ให้แก่นาย ภ. หรือนาย ธ. ทราบทุกเดือน ซึ่งนาย ภ. หรือนาย ธ. ได้รับแล้วไม่โต้แย้งคัดค้านแต่ประการใด ซึ่งนาย ภ. หรือนาย ธ. ได้ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตหรือกดเงินสดเรื่อยมา และนาย ภ. หรือนาย ธ. นำเงินเข้าบัญชีเพื่อชำระหนี้คืนให้แก่โจทก์บางส่วนเท่านั้น เมื่อได้คิดหักทอนบัญชีแล้วจำเลยค้างชำระหนี้โจทก์อยู่เป็นจำนวนมาก และมียอดหนี้ค้างชำระอยู่โจทก์เรื่อยมา รายละเอียดปรากฎตามสำเนาใบแจ้งยอดค่าใช้จ่ายซึ่งโจทก์ขอนำสืบชั้นพิจารณา
นาย ภ. หรือนาย ธ. มีหนี้ค้างชำระอยู่แก่โจทก์เพียงวันที่ ๑๗ สิงหาคม เป็นต้นเงินจำนวน ๑๑๕,๓๖๘.๑๒ บาท ดอกเบี้ยจำนวน ๗,๙๙๑.๕๐ บาท และค่าธรรมเนียมอื่นๆ จำนวน ๘๐๒.๕๐ บาท รวมเป็นเงินจำนวน ๑๒๔,๑๖๑.๑๒ บาท และนาย ภ. หรือนาย ธ. จะต้องชำระดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินของต้นเงินดังกล่าวคำนวณจนถึงวันฟ้องเงินจำนวน ๓๐,๙๗๕.๕๕ บาท รวมเป็นยอดหนี้ค้างชำระทั้งสิ้นจำนวน ๑๕๕,๑๓๗.๖๗ บาท รายละเอียดปรากฏตามสำเนารายงานบันทึกการคำนวณดอกเบี้ย เอกสารแนบท้ายคำฟ้องหมายเลข ๗
ข้อ ๓. นาย ภ. หรือนาย ธ. ได้ยื่นคำขอกู้เงินประเภทสินเชื่อพร้อมใช้ (KTC Cash Revolve) หรือสินเชื่อกดเงินสดกับโจทก์ ซึ่งเป็นสินเชื่อประเภทหมุนเวียนประเภทหนึ่ง กล่าวคือจำนวนเงินกู้ซึ่งนาย ภ. หรือนาย ธ. สามารถเบิกถอนจากบัญชีเงินกู้ในแต่ละคราวนั้น จะเท่ากับส่วนต่างระหว่างวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมติกับจำนวนเงินกู้ที่จำเลยได้เบิกถอนไปแล้วแต่ยังไม่ชำระคืน รวมกับดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสดที่ถึงกำหนดชำระแล้ว ต่อเมื่อโจทก์พิจารณาคำขอและคุณสมบัติของนาย ภ. หรือนาย ธ. แล้วได้อนุมัติวงเงินกู้ให้แก่นาย ภ. หรือนาย ธ. เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ และอนุมัติวงเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท โดยนาย ภ. หรือนาย ธ. ยินยอมชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์อัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินในอัตราร้อยละ ๙ ต่อปี โดยคิดนับแต่วันที่นาย ภ. หรือนาย ธ. ได้รับเงินกู้ไปจากโจทก์
หลังจากอนุมัติแล้ว โจทก์ได้ทำการโอนเงินงวดแรกจำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท แก่นาย ภ. หรือนาย ธ. แล้วและโจทก์ได้ออกบัตรเบิกถอนเงินสดพร้อมรหัสประจำตัวเพื่อให้จำเลยใช้เบิกถอนเงินสดจากบัญชีเงินกู้ภายในวงเงินที่อนุมัติ โดยนาย ภ. หรือนาย ธ. สามารถเบิกถอนเงินสดจากเครื่องฝากถอนอัตโนมัติ (A.T.M) หรือจากเคาน์เตอร์ของธนาคารพาณิชย์ที่เป็นสมาชิกของโจทก์ ซึ่งเมือจำเลยนำบัตรเบิกถอนเงินสดที่โจทก์ออกให้ไปใช้เบิกเงินสดดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าเป็นคำสั่งของนาย ภ. หรือนาย ธ. ในการสั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินกู้ และถือว่านาย ภ. หรือนาย ธ. ตกเป็นหนี้โจทก์ ตามจำนวนเงินที่เบิกถอนออกไปทันที โดยโจทก์จะจัดส่งใบแจ้งยอดหนี้ไปเรียกเก็บเงินจากนาย ภ. หรือนาย ธ. ทุกรอบบัญชี หรือทุกเดือน หากนาย ภ. หรือนาย ธ. มิได้ปฏิเสธภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้ถือว่าทุกรายการในใบแจ้งยอดหนี้ถูกต้องแล้ว โดยนาย ภ. หรือนาย ธ. ยินยอมและตกลงจะชำระเงินที่กู้ยืมพร้อมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมฯคืนแก่โจทก์จนกว่าจะชำระเสร็จ และนาย ภ. หรือนาย ธ. ผิดนัดชำระหนี้นาย ภ. หรือนาย ธ. ตกลงที่จะชำระค่าติดตามทวงถามตามอัตราที่กำหนดไว้ในคำขอสินเชื่ออีกส่วนหนึ่งด้วย รายละเอียดปรากฏตามสำเนาใบสมัครสินเชื่อพร้อมใช้ ซึ่งโจทก์ขอนำสืบชั้นพิจารณา
เมื่อโจทก์ได้อนุมัติวงเงินกู้และโอนเงินกู้บางส่วนดังกล่าวให้กับนาย ภ. หรือนาย ธ. ไปแล้ว โจทก์ได้ออกหมายเลขบัญชีเงินกู้ให้กับนาย ภ. หรือนาย ธ. เป็นหมายเลข ๔๒๑๖ ๖๘๐๐ ๖๘๒๓ ๓๔๔๘ เพื่อใช้บัญชีดังกล่าวเป็นบัญชีสำหรับหักทอนหนี้สินของนาย ภ. หรือนาย ธ.
นับแต่วันที่นาย ภ. หรือนาย ธ. ได้ทำสัญญาสินเชื่อดังกล่าว และได้รับเงินกู้บางส่วนไปจากโจทก์แล้วนาย ภ. หรือนาย ธ. ได้นำบัตรไปเบิกถอนเงินสดจากบัญชีเงินกู้หลายครั้งหลายหน โดยนาย ภ. หรือนาย ธ. ได้เงินเข้าบัญชีเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์บางส่วนเท่านั้น เมื่อได้คิดหักทอนบัญชีแล้วนาย ภ. หรือนาย ธ. ค้างชำระหนี้โจทก์อยู่เป็นจำนวนมาก และมียอดหนี้ค้างชำระอยู่กับโจทก์เรื่อยมา ซึ่งโจทก์ได้จัดส่งใบแจ้งยอดหนี้ให้นาย ภ. หรือนาย ธ. ชำระหนี้คืนแก่โจทก์ ซึ่งนาย ภ. หรือนาย ธ. ได้รับใบแจ้งยอดหนี้และทราบดีอยู่แล้วและไม่โต้แย้งแต่ประการใด รายละเอียดปรากฏตามสำเนาใบแจ้งอนุมัติสินเชื่อและสำเนาใบแจ้งยอดค่าใช้จ่ายซึ่งโจทก์ขอนำสืบชั้นพิจารณา
นาย ภ. หรือนาย ธ. ได้ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาสินเชื่อพร้อมใช้ (KTC Cash Revolve) ต่อโจทก์ซึ่งเมื่อได้ทำการหักทอนบัญชีเงินกู้ของนาย ภ. หรือนาย ธ. แล้ว นาย ภ. หรือนาย ธ. มียอดหนี้ค้างชำระแก่โจทก์ ดังนี้
นาย ภ. หรือนาย ธ. มียอดหนี้ค้างชำระ ณ วันที่ 1๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เป็นต้นเงินจำนวน ๓๐,๓๓๙.๖๒ บาท ซึ่งนาย ภ. หรือนาย ธ. จะต้องชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินอัตราร้อยละ ๙ ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวคำนวณจนถึงวันฟ้องคิดเป็นดอกเบี้ยจำนวน ๑,๙๒๙.๙๐ บาท ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินจำนวน ๑,๑๑๕.๙๓ บาท และค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามจำนวน ๘๐๒.๕๐ บาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น ๓๔,๒๒๙.๙๕ บาท รายละเอียดปรากฏตามสำเนารายการคำนวณภาระหนี้เงินกู้ค้างชำระ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๘
รวมเป็นจำนวนเงินที่นาย ภ. หรือนาย ธ. ต้องรับผิดชำระต่อโจทก์ตามสัญญาสินเชื่อดังกล่าวข้างต้น เป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน ๑๘๙,๓๖๗.๖๒ บาท
เมื่อนาย ภ. หรือนาย ธ. ถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมซึ่งมีสิทธิ์ได้รับมรดกของนาย ภ. หรือนาย ธ. จึงต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ในมูลหนี้ตามสัญญาสินเชื่อดังกล่าวข้างต้น แทนนาย ภ. หรือนาย ธ. ลูกหนี้ผู้วายชนม์ในยอดหนี้ค้างชำระจำนวนทั้งสิ้น ๑๘๙,๓๖๗.๖๒ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยตามคำขอท้ายฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์
ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้ติดต่อทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระหนี้ให้กับโจทก์แต่อย่างใด
โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับให้จำเลยชำระหนี้ได้ จึงต้องนำคดีมาฟ้องต่อศาล เพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
คำขอท้ายคำฟ้องคดีผู้บริโภค
ขอศาลโปรดออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้
๑. ขอให้จำเลยชำระเงิน จำนวน ๑๘๙,๓๖๗.๖๒ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้น
เงินจำนวน ๑๑๕,๓๖๘.๑๒ บาท และของต้นเงินจำนวน ๓๐,๓๓๙.๖๒ บาท โดยคิดนับจากวันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะชำระหนี้แก่โจทก์เสร็จสิ้น
๒. ให้จำเลยกระทำหรืองดเว้นกระทำ
๓. ให้จำเลยส่งมอบสิ่งของ
๔. อื่นๆ ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียม และ ค่าทนายความแทนโจทก์
ข้าพเจ้ายื่นมาพร้อมสำเนา โดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย 1 ฉบับ และรอฟังคำสั่งอยู่ หากไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว
บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โจทก์
(นาย ว.)
ข้าพเจ้า.........เจ้าพนักงานคดี/ผู้บันทึก
ข้าพเจ้า นาย ว. ทนายความใบอนุญาตที่ ๑๑๑๗ /๒๕xx ผู้เรียงและพิมพ์
(นาย ว.)
ข้อวิจารณ์
๑. การฟ้องคดีนี้ ทนายความสอบข้อเท็จจริงของคดีไม่ชัดเจน เช่น จำเลยในคดีนี้เป็นมารดาของผู้ตายซึ่งสมัครใช้บัตรเครดิต
๒. ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหมายเลขบัตรเครดิตที่บรรยายมาในคำฟ้องไม่ถูกต้อง ซึ่งที่ถูกต้องคือ หมายเลข ๔๓๙๑ ๓๗๐๐ xxxx ๖๗๒๒ และ ๔๒๑๖ ๖๘๐๐ xxxx ๓๙๘๘ เป็นเหตุทำให้จำเลยให้การต่อสู้คดีได้ง่าย
๓. ไม่มีการแนบเอกสารท้ายฟ้องซึ่งสามารถถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง โดยการบรรยายเพียงว่า รายละเอียดปรากฏตามสำเนาใบสมัครบัตรเครดิตพร้อมข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บัตรเครดิต ซึ่งโจทก์ขอนำสืบชั้นพิจารณา หรือรายละเอียดปรากฏตามสำเนาใบสมัครสินเชื่อพร้อมใช้ ซึ่งโจทก์ขอนำสืบชั้นพิจารณา ใช้บ่อยเกือบทุกข้อ
๔. ตามปัญหาดังกล่าวข้างต้น ทำให้รูปคดีของโจทก์เสียเปรียบมาก โจทก์ไม่มีเอกสารมาสืบพยานสนับสนุนคำฟ้องของตน ทำให้เมื่อถึงวันนัดสืบพยานครั้งแรกทนายความโจทก์จึงขออนุญาตเลื่อนคดี พอถึงนัดสืบพยานครั้งที่สองอีกครั้ง ทนายความโจทก์จึงไม่มาศาลเลย ทำให้คดีเสียหายถึงแพ้คดีทีเดียว
โปรดดู ตัวอย่างคำให้การจำเลยที่ยื่นสู้คดีนี้
โปรดดู ตัวอย่างรายงานกระบวนพิจารณาคดีของศาลคดีนี้