โปรดดู ตัวอย่างชนะคดีสัญญาสินเชื่อเงินสดอีซี่บาย
ตัวอย่างคำฟ้องคดีผู้บริโภค (สินเชื่อเงินสดอีซี่บาย) การต่อสู้คดีแพ่งเรื่องผิดสัญญากู้ยืมเงิน เช่น การต่อสู้คดีอีซี่บายนี้เป็นเรื่องที่บางคนเปรียบเทียบในทำนองว่า เป็นการต่อสู้ด้วยอาวุธที่เท่าเทียมกัน เขาฟ้องคดีมา เราก็สู้คดีไปและสู้คดีในทุกประเด็น ตัวอย่างคำฟ้องเรื่องนี้เป็นคำฟ้องเรื่องจริงที่ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท อีซี่บาย จำกัด ฟ้องจำเลยเป็นคดีหมายเลขดำที่ ผบ.๓๕๕/๒๕๕๑ ศาลแขวงเชียงใหม่ สำหรับผู้ที่เป็นลูกหนี้บริษัท อีซี่บาย จำกัด เมื่อท่านถูกฟ้อง คำฟ้องจะไม่แตกต่างจากตัวอย่างที่ให้ไว้นี้สักเท่าใดนัก โดยคำฟ้องใช้แบบพิมพ์ศาลคือ (แบบ ผบ.๑) คำฟ้องคดีผู้บริโภค ซึ่งมีเนื้อความดังนี้
เรื่อง ผิดสัญญากู้ยืม
จำนวนทุนทรัพย์ ๖๑,๗๗๓.๒๒ บาท.....สตางค์
ข้อ ๑. โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท จังหวัดนนทบุรี ใช้ชื่อว่า บริษัท ส. จำกัด มีนาย พ. เป็นกรรมการผู้จัดการ มีอำนาจลงลายมือชื่อประทับตราสำคัญของบริษัทมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรอง เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๑
ในการฟ้องคดีนี้โจทก์ได้มอบอำนาจให้ นาย ว.เป็นผู้รับมอบอำนาจในการฟ้องและดำเนินคดีแทน รายละเอียดปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจ เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒
เดิมบริษัท สยาม เอ แอนด์ ซี จำกัด ทะเบียนเลขที่ ๒๐๖๙/๒๕๓๙ ได้จดทะเบียนแปรสภาพมาเป็นบริษัท มหาชน จำกัด และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชน จำกัด เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๘ โดยจดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรอง เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๓
เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ โจทก์ได้รับการโอนสิทธิเรียกร้อง ประเภทธุรกิจเช่าซื้อและสินเชื่อเงินสด จากบริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) ซึ่งรวมถึงจำเลยในคดีนี้ รายละเอียดปรากฏตามหนังสือสัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๐ เอกสารท้ายฟ้อหมายเลข ๔
โดยในการโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าว โจทก์ได้มอบอำนาจให้ทนายความดำเนินการแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องไปยังจำเลยพร้อมกับบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวแล้วแต่จำเลยยังเพิกเฉย รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องและบอกกล่าให้ชำระหนี้และไปรษณีย์ตอบรับเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๕
ข้อ ๒. จำเลยได้ยื่นคำขอสมัครเข้าเป็นสมาชิกประเภท สินเชื่อเงินสด (กู้ยืม) กับบริษัท สยามเอ แอนด์ ซี จำกัด หรือ บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) “ผู้ให้กู้” ซึ่งผู้ให้กู้ได้อนุมัติให้จำเลยเป็นสมาชิกประเภทสินเชื่อเงินสดดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๔๗ โดยจำเลยได้ขอกู้เงินและได้รับเงินดังกล่าวไปครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว จำนวน ๔๐,๐๐๐ บาท โดยมีข้อตกลงยินยอมเสียดอกเบี้ยให้กับผู้ให้กู้ในอัตราร้อยละ ๐.๙๓ ต่อเดือน ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินอัตราร้อยละ ๓.๖๐ ต่อเดือน โดยจำเลยตกลงผ่อนชำระดอกเบี้ยพร้อมต้นเงิน เป็นรายเดือนรวมกันไม่ต่ำกว่าเดือนละ ๒,๑๐๐ บาท เริ่มชำระงวดแรกในวนที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๔๗ และงวดต่อไปทุกวันที่ ๒ ของทุกเดือน จนกว่าจะชำระหนี้ให้กับผู้ให้กู้เสร็จสิ้น หากผิดนัดไม่ชำระเงินดังกล่าวแม้แต่งวดหนึ่งงวดใดไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด จำเลยยินยอมให้ผู้ให้กู้ฟ้องร้องดำเนินคดีเรียกร้องให้ชำระเงินกู้และดอกเบี้ยที่ค้างชำระทั้งหมดคืนได้ทันที กรณีที่จำเลยผิดนัดแล้วผู้ให้กู้ยังรับชำระหนี้ไว้ การรับชำระหนี้ดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นข้อตกลงใหม่ในอันที่จะทำให้จำเลยหมดภาระการผ่อนชำระหนี้ให้แก่ผู้ให้กู้เป็นรายเดือนและไม่เป็นการตัดสิทธิของผู้ให้กู้ที่จะเรียกต้นเงินกู้และและดอกเบี้ยที่ค้างชำระทั้งหมดคืนได้ทันที กับทั้งจำเลยยินยอมรับผิดที่จะชดใช้คืนค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปอันเนื่องมาจากการผิดสัญญาของจำเลย ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถาม หรือบอกกล่าวให้ชำระหนี้ด้วยทุกประการ และหากจำเลยผิดนัดไมชำระดอกเบี้ยเป็นเวลา ๑ ปี จำเลยยินยอมให้ทบจำนวนดอกเบี้ยที่ค้างชำระเข้ากับต้นเงินที่ถึงกำหนดและค้างชำระนั้นโดยให้ถือว่าเป็นต้นเงินอันใหม่ที่จำเลยยอมเสียดอกเบี้ยให้แก่ผู้ให้กู้ตามสัญญาต่อไปจนกว่าจะชำระหนี้ให้กับผู้ให้กู้เสร็จสิ้นและจำเลยยอมให้ผู้ให้กู้ปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยได้ตามที่จะเห็นสมควร รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายสัญญาสินเชื่อเงินสด เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๖
ข้อ ๓. นับแต่วันที่จำเลยได้ทำสัญญากู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้ จำเลยตกลงจะชำระหนี้เงินกู้คืนให้ตามกำหนดเวลาทุกรอบบัญชีหรือทุกเดือน แต่ปรากฏว่าจำเลยไม่ได้นำเงินเข้าบัญชีเพื่อชำระหนี้ให้แก่ผู้ให้กู้ตามสัญญาจำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดนัดตลอดมา โดยจำเลยชำระหนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๐ เป็นจำนวน ๑,๐๐๐ บาท และเมื่อคิดยอดหนี้ที่จำเลยค้างชำระถึงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๐ ซึ่งเป็นวันครบรอบตัดบัญชี จำเลยคงค้างชำระหนี้เงินต้นจำนวน ๓๙,๙๑๐.๕๑ บาท และดอกเบี้ยจำนวน ๗,๐๐๔.๔๑ บาท ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินจำนวน ๘,๑๘๒.๓๗ บาท รวมเป็นเงินจำนวน ๕๕,๐๙๗.๒๙ บาท ซึ่งหลังจากนั้นจำเลยไม่เคยชำระหนี้อีกเลย รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายรายการชำระหนี้และใบสรุปยอดหนี้ค้างชำระเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๗
ด้วยเหตุดังกล่าว โจทก์ในฐานะผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจาก “ผู้ให้กู้” บริษัท สยาม เอ แอนด์ ซี จำกัด หรือ บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียและมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ได้ตามสัญญา จึงขอคิดดอกเบี้ยตามสัญญากู้เงิน นับถัดจากวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๐ ในอัตราร้อยละ ๐.๙๓ ต่อเดือน จากต้นเงิน ๓๙,๙๑๐.๕๑ บาท จนถึงวันฟ้องเป็นระยะเวลา ๑๗ เดือน ๓๐ วัน คิดเป็นเงินจำนวน ๖,๖๗๕.๙๓ บาท
คิดถึงวันฟ้อง จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เป็นต้นเงินจำนวน ๓๙,๙๑๐.๕๑ บาท ดอกเบี้ยจำนวน ๑๓,๖๘๐.๓๔ บาท ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินจำนวน ๘,๑๘๒.๓๗ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน ๖๑,๗๓๓.๓๒ บาท ซึ่งโจทก์ขอถือเอาเป็นทุนทรัพย์ที่ฟ้องคดีนี้
ดังที่ได้ประทานกราบเรียนต่อศาลมาแล้วข้างต้น โจทก์ไม่มีหนทางอื่นใดที่จะบังคับจำเลยให้ชำระหนี้กับโจทก์ได้ จึงยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลเพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
คำขอท้ายฟ้องคดีผู้บริโภค
ขอศาลได้โปรดออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้
๑. ให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๖๑,๗๗๓.๒๒ บาท (หกหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบสามบาทยี่สิบสองสตางค์) พร้อมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๐.๙๓ ต่อเดือน ของต้นเงินจำนวน ๓๙,๙๑๐.๕๑ บาท (สามหมื่นเก้าพันเก้าร้อยสิบบาทห้าสิบเอ็ดสตางค์) นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้ให้กับโจทก์เสร็จสิ้นและให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมและคาทนายความอย่างสูงแทนโจทก์
๒. ให้จำเลยกระทำหรืองดเว้นการกระทำ....
๓. ให้จำเลยส่งมอบสิ่งของ.....
๔. อื่นๆ.....
ข้าพเจ้ายื่นมาพร้อมสำเนา โดยข้อความถกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย ๑ ฉบับ และรอฟังคำสั่งอยู่ หากไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว
บริษัท ส. จำกัด ผู้รับมอบอำนาจโจทก์
ข้าพเจ้า.....เจ้าพนักงานคดี/ผู้บันทึก
ข้าพเจ้านาย ว. ทนายความใบอนุญาต..... ผู้เรียง
การสู้คดีที่ถูกฟ้องเช่นนี้ ท่านสามารถยื่นคำให้การต่อสู้คดีโดยท่านควรปรับเปลี่ยนข้อเท็จจริงให้เหมาะสมกับเรื่องที่ท่านถูกฟ้องได้ โปรดดู ตัวอย่างคำให้การจำเลย แก้คดีสินเชื่อเงินสดอีซี่บาย