.jpg) |
ฐานความผิด ขับรถยนต์โดยประมาทน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรและไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที
ข้อ ๑. เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น. จำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ
๑.๑ จำเลยได้ขับรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลกระบะบรรทุก คันหมายเลขทะเบียน กข – ๗๗๑ ศรีสะเกษ ไปตามถนนสายรัตนบุรี – ศรีขรภูมิ ซึ่งแบ่งช่องทางเดินรถออกเป็น ๒ ช่องทางไปกลับข้างละ ๑ ช่องทาง จากด้านอำเภอศรีขรภูมิ มุ่งหน้าไปทางด้านอำเภอรัตนบุรีมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณใกล้สถานีตำรวจภูธรรัตนบุรี หมู่ที่ ๘ ตำบลรัตนบุรี อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งถนนขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อทั้งมีฝนตกหนัก ด้วยความประมาทน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินและด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ กล่าวคือ จำเลยได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวด้วยความเร็วสูงเกินสมควร จนไม่สามารถหยุดรถหรือชะลอความเร็วของรถให้ช้าลงพอที่จะขับหลบหลีกไม่ชนรถคันอื่น หรือสิ่งอื่นใดที่กีดขวางอยู่ข้างหน้าได้ทัน จำเลยจะขับรถแซงรถจักรยานยนต์ไม่ติดป้ายแผ่นทะเบียนซึ่งอยู่ข้างหน้า ซึ่งขณะนั้นได้มีนาย ถ. ขับขี่รถจักรยานยนต์ดังกล่าว จำเลยควรใช้ความระมัดระวังในการขับรถยนต์คันดังกล่าวด้วยการชะลอความเร็วของรถให้ช้าลงโดยไม่ขับรถด้วยความเร็วสูงเกินสมควรและควรตรวจดูทางข้างหน้าให้ดีด้วยว่ามีรถ หรือสิ่งอื่นใดกีดขวางทางจราจรขอตนอยู่หรือไม่ และทั้งหากจะขับรถแซงก็ควรดูให้ดีเสียก่อนว่าสามารถขับรถแซงให้พ้นไปได้โดยปลอดภัยหรือไม่ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีแล้วจึงขับรถแซงไปได้ ทั้งนี้เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น ซึ่งจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้กระทำไม่ แต่จำเลยยังคงขับรถยนต์คันดังกล่าวด้วยความเร็วสูงเกินสมควรโดยไม่ชะลอความเร็วของรถให้ช้าลง ทั้งที่ขณะนั้นมีฝนตกหนักและถนนเป็นหลุมเป็นบ่อขรุขระ จำเลยได้ขับรถแซงรถจักรยานยนต์ที่นาย ถ. กำลังขับขี่อยู่ด้านหน้าโดยกะทันหัน โดยไม่ดูให้ดีเสียก่อนว่าจะสามารถขับรถแซงให้พ้นไปได้ปลอดภัยหรือไม่ดังกล่าว ด้วยความประมาทของจำเลยดังกล่าวทำให้จำเลยไม่สามารถควบคุมบังคับรถให้แล่นแซงพ้นผ่านรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปได้ทำให้รถยนต์คันที่จำเลยขับมาแล่นไปเฉี่ยวชนทางด้านท้ายของรถจักรยานยนต์ที่นาย ถ. ขับขี่มาแล่นอยู่ด้านหน้าในช่องทางเดียวกันกับรถของจำเลยดังกล่าวล้มลงอย่างแรง เป็นเหตุให้รถทั้งสองคันได้รับความเสียหายและเป็นเหตุให้นาย ถ. ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายถึงสาหัสต้องทุพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวันและจนประกอบกรณียกิจไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน รายละเอียดบาดแผลปรากฏตามรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง
๑.๒ ภายหลังจากที่จำเลยได้ขับรถยนต์เป็นเหตุก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลและทรัพย์สินของบุคคลอื่นตามฟ้องข้อ ๑.๑ แล้ว จำเลยได้บังอาจไม่หยุดและไม่ให้ความช่วยเหลือตามสมควรทั้งไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที ทั้งๆที่อยู่ใกล้สถานีตำรวจภูธรรัตนบุรี แต่จำเลยได้ขับรถยนต์ดังกล่าวในฟ้องข้อ ๑.๑ หลบหนีไป อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
เหตุตามฟ้องข้อ ๑.๑ และ ๑.๒ เกิดที่ตำบลรัตนบุรี อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์
ข้อ ๒. ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่จำเลยและทำการสอบสวนแล้ว
ชั้นสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพ
ระหว่างสอบสวน จำเลยไม่ถูควบคุมตัว ได้ส่งตัวจำเลยมาศาลพร้อมฟ้องนี้ด้วยแล้ว
อนึ่ง หากจำเลยขอประกันตัวขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล
คำขอท้ายฟ้องอาญา
การที่จำเลยได้กระทำตามข้อความที่กล่าวมาในคำฟ้องนั้น ข้าพเจ้าถือว่าเป็นความผิดต่อกฎหมายและบทมาตราดังนี้ คือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๐ , พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔ , ๔๓ , ๗๘ , ๑๕๗ , ๑๖๐ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๓๐ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๔
ขอศาลได้พิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายและขอศาลได้สั่ง..
ข้าพเจ้าได้ยื่นสำเนาคำฟ้อง โดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย หนึ่ง ฉบับ และรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว
โจทก์
คำฟ้องฉบับนี้ข้าพเจ้านาย พนักงานอัยการจังหวัดรัตนบุรี เป็นผู้เรียง
ผู้เรียง
คำฟ้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า ตำแหน่ง เป็นผู้เขียนหรือพิมพ์
ผู้เขียนหรือพิมพ์