ข้อ ๑. โจทก์เป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของนาง ล. โดยจดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๑๔ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาใบสำคัญการสมรส เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑ โดยโจทก์อาศัยอยู่ตามภูมิลำเนาตามคำฟ้องนี้ตั้งแต่สมรสตลอดมาจนถึงปัจจุบัน รายละเอียดปรากฏตามสำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๒
เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๒๑ ซึ่งเป็นเวลาภายหลังการสมรส โจทก์และนาง ล. ได้ร่วมกันซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ xxxx ตำบลหนองไข่เน่า อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง มาจากผู้มีชื่อโดยโจทก์ยินยอมให้ใส่ชื่อของนาง ล. ภรรยาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียวรายละเอียดปรากฏตามสำเนาโฉนดที่ดิน เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๓
ข้อ ๒. เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๑ นาง ล. ภรรยาโจทก์ได้ขายที่ดินโฉนดเลขที่ xxxx ตำบลหนองไข่เน่า อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นสินสมรสของโจทก์ให้แก่นาย ท. น้องชายของนาง ล. ภรรยาโจทก์ในราคา ๕๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) ไปแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยที่โจทก์ไม่ทราบเรื่องและโดยปราศจากความยินยอมของโจทก์ซึ่งในขณะที่ทำนิติกรรมการขายที่ดินนั้น นาย ท. ได้กระทำไปโดยไม่สุจริต เพราะทราบดีว่าการจัดการขายสินสมรสของนาง ล. ภรรยาของโจทก์ดังกล่าวนั้นนาง ล. ภรรยาโจทก์ต้องจัดการร่วมกันกับโจทก์หรือต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์เสียก่อนจึงจะทำการขายที่ดินนั้นได้ รายละเอียดปรากฏตามหนังสือสัญญาขายที่ดิน เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๔
ต่อมาเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ นาง ล. ภรรยาโจทก์ถึงแก่ความตาย รายละเอียดปรากฏตาม สำเนามรณบัตร เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๕
เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โจทก์ได้พยายามจัดการรวบรวมทรัพย์สินเพื่อจัดการมรดกของนาง ล. ภรรยาโจทก์จึงเพิ่งได้ทราบว่าได้มีการขายที่ดินสินสมรสของโจทก์ไปแล้วดังความข้างต้น
ข้อ ๓. การจัดการสินสมรสของนาง ล. ภรรยาโจทก์ที่ได้ขายที่ดินโฉนดเลขที่ xxxx ตำบลหนองไข่เน่า อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นสินสมรสของโจทก์ให้แก่นาย ท. น้องชายของนาง ล. ภรรยาโจทก์ในราคา ๕๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) ไปแต่เพียงฝ่ายเดียวโดยที่โจทก์ไม่ทราบเรื่องทั้งโดยปราศจากความยินยอมของโจทก์ซึ่งในขณะที่ทำนิติกรรมการขายที่ดินนั้น นาย ท. ได้กระทำไปโดยไม่สุจริต เพราะทราบดีว่าการจัดการขายสินสมรสของนาง ล. ภรรยาของโจทก์ดังกล่าวนั้นนาง ล. ภรรยาของโจทก์ต้องจัดการร่วมกันกับโจทก์หรือต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์เสียก่อนนั้น การกระทำของจำเลยดังที่ได้กล่าวมาจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ เป็นเหตุทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงต้องนำคดีนี้มาฟ้องต่อศาล เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการขายที่ดินโฉนดเลขที่ xxxx ตำบลหนองไข่เน่า อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ฉบับลงวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๑ ระหว่าง นาง ล. กับ นาย ท. ข้างต้น โดยขอให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ทั้งให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ xxxx ตำบลหนองไข่เน่า อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
ในการฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมคดีนี้ โจทก์ได้ฟ้องภายในระยะเวลา ๑ ปีตามที่กฎหมายกำหนดแล้วโดยโจทก์ได้รู้เหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอนเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗
โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับจำเลยให้เพิกถอนนิติกรรมการขายที่ดินดังกล่าวและส่งมอบโฉนดที่ดินคืนโจทก์ได้ จึงจำเป็นต้องฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้เพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
คำขอท้ายฟ้องแพ่ง
เพราะฉะนั้นขอศาลออกหมายเรียกตัวจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้
๑. ให้เพิกถอนนิติกรรมการขายที่ดินโฉนดเลขที่ xxxx ตำบลหนองไข่เน่า อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ฉบับลงวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๑ ระหว่าง นาง ล. กับ นาย ท. ฉบับลงวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๑ ระหว่าง นาง ล. กับ นาย ท. โดยจำเลย เป็นผู้เสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย
๒. ให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ xxxx ตำบลหนองไข่เน่า อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
๓. ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์
ข้าพเจ้าได้ยื่นสำเนาคำฟ้องโดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย หนึ่ง ฉบับ และรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว
โจทก์