ข้อเท็จจริงในคดีนี้เป็นเรื่องผู้อาศัยอยู่ติดกับวัดได้ฟ้องวัดแย่งกรรมสิทธิ์ที่ดิน วัดในฐานะจำเลยได้ให้การต่อสู้คดี โดยใช้แบบพิมพ์ของศาลหมายเลข (๑๑ ก) คำให้การจำเลย โดยมีเนื้อความดังนี้
ข้อ ๑.จำเลยยอมรับว่าจำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทวัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๓๘๖ ตามฟ้องโจทก์จริง
ข้อ ๒.จำเลยยอมรับว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่.....มาโดยการครอบครองปรปักษ์จากนายนบโสด เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๐ และที่ดินดังกล่าวทางทิศตะวันออกจรดเลขที่ดิน.....(วัดด.) จริง แต่จำเลยขอให้การปฏิเสธรูปแผนที่โฉนดดังกล่าวตามเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๒ ว่าเป็นรูปแผนที่ที่ไม่สามารถกำหนดได้ว่าที่ดินอยู่ที่บริเวณใดของระวางแผนที่ที่ดิน
ข้อ ๓.จำเลยขอให้การปฏิเสธว่ารูปแผนที่ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๕ เส้นสีดำแดงนั้นไม่ถูกต้อง เพราะว่านาย พ.ช่างรังวัดผู้ทำการรังวัดได้บันทึกในเอกสารดังกล่าวว่า “ไม่สามารถหาหลักฐานครอบลงในรูปแผนที่เดิมได้” อีกทั้งยังลุกล้ำเข้ามาในเขตที่ดินจำเลยอีก ๑ งาน ๗๐ ตารางวา
ข้อ ๔.จำเลยขอให้การต่อสู้โจทก์โดยข้อกฎหมายว่าหลักฐานแผนที่โฉนดที่ดินของจำเลยดีกว่าของโจทก์ดังนี้
๔.๑ ที่ดินจำเลยแปลงพิพาทนี้นาย ม.ตำบลไม้ดัดได้อุทิศที่ดินให้สร้างวัดและจัดสร้างวัดจำเลยขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๘๖ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแล้วทั้งจำเลยได้แจ้งการครอบครองที่ดินตาม ส.ค ๑ เลขที่..... ฉบับลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๔๙๘ ปรากฏตามสำเนาแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน เอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๑
๔.๒ เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๐๖ จำเลยได้ยื่นคำขอรังวัดออกโฉนดที่ดินตกค้างปรากฏตาม สำเนาเอกสารดังกล่าวเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๒
๔.๓ เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๗ เจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการไต่สวนเพื่อออกโฉนดที่ดิน (น.ส. ๕) ได้บันทึกไว้ในใบไต่สวนดังกล่าวว่า “(๙)...เจ้าพนักงานผู้ปกครองท้องที่เจ้าพนักงานผู้ทำการสำรวจและเจ้าพนักงานผู้สอบสวนตรวจแล้วเห็นว่าเป็นที่ตั้งวัดทำประโยชน์แล้วเต็มทั้งแปลงไม่เกี่ยวกับเป็นที่หลวงหวงห้ามที่สาธารณประโยชน์หรือทับที่แปลงข้างเคียงแต่อย่างใดสมควรออกโฉนดให้ได้ตามกฎหมาย” อีกทั้งเจ้าของที่ดินข้างเคียงเลขที่ดิน ๕๕ (ที่ดินของโจทก์) นาย ร.แทนนาย นบ ผู้วายชนม์ได้รับรองว่าการสำรวจที่ดินของจำเลยถูกต้องไม่ได้เหลื่อมล้ำแนวเขตที่ดินของของโจทก์แต่อย่างใด (โจทก์ได้ที่ดินต่อมาจากนายน.) และในวันดังกล่าวเจ้าพนักงานได้ทำแผนที่ดินของจำเลยไว้ ปรากฏตามสำนาใบไต่สวนเพื่อออกโฉนดที่ดิน (น.ส.๕) และแผนที่จากการรังวัดที่ดิน เอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๓ และ ๔ ตามลำดับ
๔.๔ เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๘ ช่างผู้ทำการรังวัดได้รายงานการรังวัด (ร.ว.๓) ต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสิงห์บุรีว่า “ ๖)...ได้ทำการรังวัดพร้อมด้วยผู้ขอเจ้าของที่ดินข้างเคียงและกำนันผู้ปกครองท้องที่ผู้แทนนายอำเภอเสร็จแล้วไม่มีเหตุขัดข้องแต่อย่างใดการรังวัดหาหลักฐานโยงยึดลงที่หมายในระวางได้โดยไม่ทับที่ดินแปลงข้างเคียงที่มีโฉนดแล้ว” ปรากฏตามสำเนา (ร.ว.๓) เอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๕
๔.๕ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๐๙ จำเลยได้รับเอกสารโฉนดที่ดินพิพาทจากสำนักงานที่ดินจังหวัดสิงห์บุรี ปรากฏตามโฉนดที่ดินดังกล่าว เอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๖ ซึ่งแผนที่โฉนดที่ดินของจำเลยสามารถโยงยึดลงหมายในระวางได้โดยไม่ทับที่ดินแปลงข้างเคียงที่มีโฉนดแล้วปรากฏตามสำเนาแผนที่ระวาง เอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๗
ดังนั้นอาศัยข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น แผนที่โฉนดที่ดินของจำเลยสามารถโยงยึดลงหมายในระวางได้โดยไม่ทับที่ดินแปลงข้างเคียงที่มีโฉนดแล้วแต่หลักฐานแผนที่โฉนดที่ดินของโจทก์ไม่สามารถครอบลงหมายในระวางได้ ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๕ หลักฐานแผนที่ของจำเลยจึงดีกว่าหลักฐานแผนที่ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๙ ทวิ
อาศัยเหตุผลทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายข้างต้น ขอศาลได้โปรดพิพากษายกฟ้องโจทก์ให้โจทก์ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยด้วย
ฟ้องแย้ง
ข้อ ๑.จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่.....เลขที่ดิน.....หน้าสำรวจที่.....ตำบลไม้ดัด อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ตามสำเนาโฉนดที่ดินเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๖ มีอาณาเขตด้านทิศตะวันตกจรดเลขที่ดิน ๕๕ (๑๙๑) ตามแผนที่เส้นสีดำน้ำเงินจากหลักเขต ๔ค-๕๘๐๐ , ๓ค-๖๖๗๓ , ๔ค-๓๖๐๔ , ๔ค-๓๔๗๒ , ๕ค-๕๗๐๗ , ๔ค-๕๘๘๐ ตามเอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข ๕
ข้อ ๒.เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๐ จำเลยได้ไประวังแนวเขตที่ดินของจำเลยเนื่องจากโจทก์ได้ขอรังวัดสอบเขตที่ดินในวันดังกล่าวจำเลยจึงทราบว่าโจทก์ได้ครอบครองที่ดินรุกล้ำเข้ามาในเขตที่ดินของจำเลยโดยปลูกบ้านเลขที่.....หมู่ที่....ตำบลไม้ดัด อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี และล้อมรั้วรุกล้ำเข้ามาในที่ดินจำเลย ปรากฏตามแนวเขตที่ดินที่จำเลยร้องคัดค้านไว้เนื้อที่ ๐-๑-๗๐ ไร่ อันเป็นการรบกวนการครองครองที่ดินของจำเลยและเป็นการโต้แย้งสิทธิของจำเลยทำให้จำเลยไม่สามารถใช้สอยที่ดินดังกล่าวได้ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ซึ่งหากจำเลยนำที่ดินออกให้บุคคลอื่นเช่าจะได้ค่าเช่าเดือนละไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ บาท จำเลยจึงขอฟ้องแย้งโจทก์ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้โจทก์รื้อถอนบ้านเลขที่.....และรื้อรั้วที่ล้อมอยู่บนที่ดินของจำเลยดังกล่าวข้างต้นพร้อมทั้งขับไล่โจทก์และบริวารออกจากที่ดินของจำเลยทั้งให้โจทก์ชำระค่าเสียหายแก่จำเลยเดือนละ ๑,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องแย้งนี้ไปจนกว่าโจทก์จะรื้อถอนบ้านเลขที่.....และรื้อรั้วที่ล้อมอยู่บนที่ดินดังกล่าวข้างต้นออกไปจากที่ดินจำเลย
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ลงชื่อ จำเลย
คำให้การจำเลยและฟ้องแย้งฉบับนี้ อาตมาพระครู ป เ จ้าอาวาสวัดด.จำเลยเป็นผู้เรียงและพิมพ์
ลงชื่อ ผู้เรียงและพิมพ์