ข้อเท็จจริงในคดีนี้เป็นเรื่องการร่วมทุนทำธุรกิจขายตรงระหว่างนักธุรกิจไทยและมาเลเซีย ต่อมามีความขัดแย้งกันเพราะเข้าใจผิดกันบางอย่างจึงมีการฟ้องร้องคดีนี้ ในข้อหา ละเมิด ผิดสัญญา เรียกค่าเสียหาย ทุนทรัพย์จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยฟ้องจำเลย ๓ คน ทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาได้ให้การต่อสู้คดีทุกประเด็น โดยใช้แบบพิมพ์ของศาล หมายเลข (๑๑ ก.) คำให้การจำเลย ซึ่งมีเนื้อความดังนี้
ข้อ ๑.จำเลยที่ ๑ ขอให้การปฏิเสธว่า โจทก์ไมใช่นิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดตามกฎหมายของประเทศมาเลเซีย นาย ล. ไม่ใช่กรรมการผู้มีอำนาจจึงไม่อาจทำการแทนโจทก์ได้ โจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศซึ่งสินค้าประเภทอาหารเสริมแต่อย่างใดๆ ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๑ ทั้งเอกสารคำแปลท้ายฟ้องหมายเลข ๒ ก็ไม่ปรากฏข้อความในเรื่องวัตถุประสงค์ของโจทก์ดังที่โจทก์กล่าวอ้างแต่อย่างใดๆ
ข้อ ๒. จำเลยที่ ๑ ขอให้การปฏิเสธคำฟ้องโจทก์ในข้อ ๒. ทั้งสิ้น โดยขอให้การตัดฟ้องโจทก์ด้วยข้อกฎหมายว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ได้โต้แย้งสิทธิ์โจทก์แต่อย่างใดๆ เนื่องจากจำเลยที่ ๑ ไม่เคยเกี่ยวข้องกับโจทก์ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม จำเลยที่ ๑ ไม่เคยทำสัญญากับโจทก์ จำเลยที่ ๑ ไม่เคยจงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแต่อย่างใดๆ จำเลยที่ ๑ ไม่เคยรับเงินจากโจทก์ ส่วนเงินจำนวน ๓๗๓,๑๓๔.๓๐ บาท , ๓๖,๐๐๐ บาท , ๑๔๔,๐๐๐ บาท และ ๔๐๐,๐๐๐ บาท ตามเอกสารท้ายฟ้องโจทก์หมายเลข ๕ , ๖ , ๘ และ ๙ ตามลำดับนั้นเป็นเงินที่จำเลยที่ ๑ ได้รับจากการเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจให้กับนาย ฮ. ซึ่งเป็นบุคคลอีกคนหนึ่งต่างหากจากโจทก์
ข้อ ๓. จำเลยที่ ๑ ขอให้การตัดฟ้องโจทก์ด้วยข้อกฎหมายอีกว่า คำฟ้องโจทก์เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม กล่าวคือฟ้องโจทก์ในหน้าที่ ๓ บรรทัดสุดท้ายต่อเนื่องกับหน้าที่ ๔ บรรทัดแรกมีข้อความว่า “เพื่อเป็นหลักฐานถึงข้อตกลงดังกล่าว รายละเอียดปรากฏตามสำเนาบันทึกพร้อมคำแปล เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๕ และ ๖ “ ซึ่งความจริงไม่มีบันทึกข้อตกลงพร้อมคำแปลในคำฟ้องโจทก์ทั้งที่ส่งไว้ต่อศาลและสำเนาคำฟ้องที่โจทก์ส่งให้แก่จำเลยที่ ๑ ดังที่โจทก์อ้างแต่อย่างใด แต่ในคำฟ้องโจทก์หน้าที่ ๔ บรรทัดที่ ๑๒ จากด้านบนมีข้อความว่า “ซึ่งโจทก์หลงเชื่อและมอบเงินให้แก่จำเลยที่ ๑ และพวก รายละเอียดปรากฏตามสำเนาการโอนเงินเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๕ และ ๖ “ ซึ่งเป็นคำฟ้องที่อ้างเอกสารท้ายฟ้องขัดแย้งกัน อีกทั้งคำฟ้องหน้าที่ ๔ บรรทัดที่ ๑๒ – ๑๔ จากด้านบนที่มีข้อความว่า “โจทก์จึงได้มอบหมายให้ นาย ศ. แจ้งความร้องทุกข์แก่จำเลยที่ ๑ ในข้อหาฉ้อโกง รายละเอียดปรากฏตามสำเนาบันทึกประจำวันสถานีตำรวจภูธรตำบลประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑๔ “ซึ่งความจริงไม่มีเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๑๔ ในคำฟ้องที่โจทก์ส่งไว้ต่อศาลและสำเนาคำฟ้องที่โจทก์ส่งให้แกจำเลยที่ ๑ ดังที่โจทก์อ้างแต่อย่างใด คำฟ้องโจทก์ดังกล่าวเคลือบคลุมทั้งขัดแย้งกันอยู่ในตัวเอง การอ้างเอกสารท้ายฟ้องสับสน ขาดเอกสารที่อ้างทำให้จำเลยที่ ๑ ไม่เข้าใจข้อหา ไม่สามารถต่อสู้คดีได้อย่างถูกต้อง โจทก์เอาเปรียบในการฟ้อคดี โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ข้อ ๔. จำเลยที่ ๑ ขอให้การตัดฟ้องโจทก์โดยข้อกฎหมายเพิ่มเติมว่า คำฟ้องโจทก์เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม กล่าวคือ โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ ในข้อหา ละเมิด ผิดสัญญา เรียกค่าเสียหาย โจทก์ไม่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่าสิทธิของโจทก์ที่จะขอให้ศาลบังคับเรื่องละเมิดแก่จำเลยที่ ๑ นั้นจำเลยที่ ๑ ได้ละเมิดต่อโจทก์โดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่อทำผิดกฎหมายต่อโจทก์อย่างไร ทำให้โจทก์เสียหายแก่ทรัพย์สินหรือสิทธิของโจทก์อย่างไร หรือสิทธิของโจทก์ที่จะขอให้ศาลบังคบเรื่องสัญญานั้น จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาอะไรกับโจทก์เมื่อไร ที่ไหน อย่างไร จำเลยที่ ๑ ทำผิดสัญญาอย่างไร คำฟ้องของโจทก์ไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้งถึงข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าส่วนที่แสดงถึงการกระทำที่จำเลยที่ ๑ กระทำการอันเป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ตามกฎหมายเป็นอย่าไร ความเสียหายเกิดขึ้นอย่างไร อีกทั้งคำขอบังคับเท่าที่โจทก์มีสิทธิตามกฎหมายนั้นมีเพียงใด การที่โจทก์ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชดใช้เงินแก่โจทก์ตามคำขอท้ายฟ้องนั้น จำเลยที่ ๑ ไม่สามารถเข้าใจจากคำฟ้อได้เลยว่า จำเลยที่ ๑ , จำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ มีความเกี่ยวข้องกันตั้งแต่เมื่อไร เกี่ยวข้องกันอย่างไร เพราะเหตุใดจึงต้องรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม และการที่คำฟ้องโจทก์ในหน้าที่ ๕ บรรทัดที่ ๖ จากด้านบนว่า “ซึ่งในการดังกล่าว จำเลยที่ ๒ และ ๓ มีส่วนร่วมรู้เห็นด้วยนั้น “ หมายความว่าอย่างไร จำเลยที่ ๑ ได้ร่วมรู้เห็นกับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ตั้งแต่เมื่อไร ที่ไหน อย่างไร และร่วมกันละเมิดหรือผิดสัญญาต่อโจทก์อย่างไร จำเลยที่ ๑ ไม่สามารถเข้าใจฟ้องของโจทก์ได้ คำฟ้องของโจทก์ไม่แสดงโดยชัดแจ้งถึงสภาพแห่งข้อหา ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและคำขอบังคับ จำเลยที่ ๑ จึงไม่สามารถต่อสู้คดีได้ คำฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒
อาศัยเหตุผลทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ขอศาลได้โปรดพิจารณาพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยให้โจทก์ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความอย่างสูงแทนจำเลยด้วย
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ลงชื่อ จำเลยที่ ๑
คำให้การจำเลยที่ ๑ ฉบับนี้ ข้าพเจ้า นาย ส. จำเลยที่ ๑ เป็นผู้เรียงและพิมพ์
ลงชื่อ ผู้เรียงและพิมพ์