ข้อ ๑. ผู้คัดค้านขอคัดค้านว่าทั้งนาง ล. และผู้ร้องไม่เคยครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ตั้งอยู่ที่ตำบลสวนหลวง หมู่ที่ ๑๖ อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานครแต่อย่างใด อีกทั้งผู้ร้องไม่เคยมีหนังสือรับรองการทำประโยชนที่ทางราชการออกให้ ทั้งแผนที่สังเขปตามเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข ๓ นั้นเป็นที่สาธารณะประโยชน์ ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ถูกรุกล้ำ ซึ่งที่ดินเดิมเป็นบึงน้ำสาธารณะต่อมาตื้นเขินตามแผนที่ที่ระบายสีเทาเข้ม ปรากฏตามเอกสารท้ายคำร้องคัดค้านหมายเลข ๑ จึงไม่มีผู้ใดที่จะมีสิทธิกล่าวอ้างครอบครองที่สาธารณะได้
ข้อ ๒. ผู้คัดค้านขอคัดค้านคำร้องของผู้ร้องโดยข้อกฎหมายว่า คำร้องของผู้ร้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ กล่าวคือ คำร้องนั้นไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าผู้ร้องครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำปะโยชน์เลขที่ใด , ทะเบียนเล่มที่เท่าใด , หน้าใด , สารบบเล่ม และหน้าใดทำให้ผู้คัดค้านไม่เข้าใจคำร้องได้อย่างชัดแจ้ง จนทำให้ไม่สามารถยื่นคำร้องคัดค้านได้อย่างถูกต้อง
ข้อ ๓. ผู้ร้องไม่มีอำนาจยื่นคำร้องในคดีนี้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายรับรองคุ้มครองสิทธิของผู้ร้องดังที่ผู้ร้องอ้างขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ ซึ่งการอ้างสิทธิ์ตามกฎหมายดังกล่าวนั้นต้องเป็นการครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของโดยครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา ๑๐ ปี แต่ผู้ร้องอ้างว่าครอบครองทรัพย์สินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของตนเอง ทั้งไม่ใช่ที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องในคดีนี้ อีกทั้งคดีนี้ไม่มีผู้ใดโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องตามคำร้องข้อ ๔. แต่อย่างใด หากแต่ผู้ร้องเพียงกล่าวอ้างสมมุติขึ้นเองว่าผู้ร้องไปติดต่อสำนักงานที่ดินกรุงเพหานคร สาขาประเวศแล้วพนักงานที่ดินไม่ดำเนินการให้นั้นก็ไม่เป็นความจริงเพราะผู้ร้องไม่มีเอกสารหลักฐานใดๆแสดงให้ศาลเห็นว่าเจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาประเวศได้โต้แย้งสิทธิของผู้ร้องแล้ว
อาศัยเหตุผลตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดังกล่าวข้างตน ขอศาลได้โปรดพิจารณาและมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง ให้ผู้ร้องชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนผู้คัดค้านด้วย
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ลงชื่อ ทนายผู้คัดค้าน
คำคัดค้นฉบับนี้ ข้าพเจ้า นาย ป. ทนายความผู้คัดค้านเป็นผู้เรียงและพิมพ์
ลงชื่อ ผู้เรียงและพิมพ์