ข้อเท็จจริงในคดีนี้คือ ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามคำฟ้องโจทก์ แต่จำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นพร้อมยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี โจทก์จึงยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลย โดยทำเป็นคำร้องตามแบบพิมพ์ หมายเลข (๗) คำร้อง ซึ่งมีเนื้อความดังนี้
ข้อ ๑. คดีนี้ตามที่จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ และได้มีคำร้องฉบับลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ ขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับคดีแก่จำเลยในระหว่างอุทธรณ์นั้น โจทก์ขอคัดค้านว่าเนื่องจากอุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวไม่มีสาระที่จะทำให้จำเลยชนะคดีได้ ปรากฏรายละเอียดตามคำแก้อุทธรณ์ของโจทก์ที่ได้ยื่นต่อศาลไว้แล้ว เนื่องจากจำเลยได้รับเงินไปจากโจทก์เป็นจำนวนมากแล้ว ทั้งจำเลยมิได้วางเงินต่อศาลชั้นต้นเป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษา หรือมิได้หาประกันมาให้เพียงพอสำหรับเงินจำนวนที่ต้องชำระหนี้ตามคำพิพากษาเช่นว่านั้นแต่อย่างใด การที่จำเลยขอทุเลาการบังคบคดีดังกล่าวนั้นก็เพื่อเป็นการประวิงคดีไว้มิให้โจทก์ได้รบชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยเท่านั้น ซึ่งหากจำเลยได้รับอนุญาตจากศาลให้ทุเลาการบังคับคดีในระหว่างอุทธรณ์นี้แล้วต่อมาเมื่อคดีถึงที่สุดโดยที่โจทก์ยังคงเป็นฝ่ายชนะคดีตามคำพิพากษาและทรัพย์สินของจำเลยหมดสิ้นไปด้วยเหตุใดๆก็ตามย่อมจะทำให้โจทก์มิได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว อันเป็นการทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างยิ่งเพราะจำเลยมิได้ให้หลักประกันใดไว้ให้เป็นที่พอใจแก่ฝ่ายโจทก์ในอันที่จะสามารถบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาในภายหน้าดังกล่าวได้เลย
ข้อ ๒. ด้วยเหตุผลดังได้กล่าวมาข้างต้น โจทก์จึงขอศาลได้โปรดมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยทุเลาการบังคับคดีโดยให้ยกคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยฉบับลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ เสีย หรือถ้าหากศาลจะให้จำเลยทุเลาการบังคับคดี ขอศาลได้โปรดให้จำเลยนำเงินมาวางศาลหรือนำหลักประกันมาวางศาลให้เป็นที่พอใจของศาลและโจทก์ด้วย
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ลงชื่อ.... โจทก์
คำร้องฉบับนี้ข้าพเจ้านาย พ.ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์
ลงชื่อ ผู้เรียงและพิมพ์