เมื่อจำเลยยื่นคำให้การแล้ว หากจำเลยให้การต่อสู้คดีโดยตัดฟ้องโจทก์ด้วยข้อกฎหมาย จำเลยควรยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นด้วยหากเห็นว่าเมื่อศาลได้วินิจฉัยข้อกฎหมายแล้วจะเป็นคุณแก่จำเลย คำร้องเช่นนี้ใช้แบบพิมพ์ของศาลหมายเลข (๗) คำร้อง โดยมีเนื้อความดังนี้
ข้อ ๑. คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า นาย บ. (เจ้ามรดกบิดาจำเลย) ทำหนังสือสัญญาซื้อ-ขายที่ดินเฉพาะส่วนให้แก่โจทก์เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๑๗ โดยตกลงกันว่าจะไปดำเนินการโอนที่ดินให้แก่โจทก์ภายหลัง ตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือสัญญาซื้อ-ขายที่ดิน เอกสารท้ายคำฟ้องหมาย ๒ จำเลยให้การตัดฟ้องโจทก์ด้วยข้อกฎหมายว่าการซื้อขายที่ดินดังกล่าวที่โจทก์ฟ้องนั้นเป็นการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์โดยมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การซื้อ-ขายดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๕๖ จำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของนาย บ.ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในที่ดินพิพาทจึงสามารถยกเอาความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรมดังกล่าวขึ้นอ้างได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเพราะการซื้อขายที่ดินข้างต้นเป็นโมฆะ
ข้อ ๒. จำเลยเห็นว่าข้อเท็จจริงจากคำฟ้องและพยานหลักฐานของโจทก์คือสำเนาภาพถ่ายหนังสือสัญญาซื้อ-ขายที่ดิน เอกสารท้ายคำฟ้องหมาย ๒ และข้อกฎหมายที่จำเลยให้การตัดฟ้องโจทก์ดังกล่าวนั้นสามารถฟังเป็นข้อยุติแล้วซึ่งถ้าหากศาลได้โปรดวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าวข้างต้นให้เป็นคุณแก่ฝ่ายจำเลยแล้วจะไม่ต้องมีการพิจารณาคดีต่อไปอีกทั้งจะทำให้คดีเสร็จไปได้ทั้งเรื่อง
จำเลยจึงขอศาลได้โปรดได้พิจารณาปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวข้างต้นและได้โปรดวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวให้เป็นคุณแก่จำเลยโดยพิพากษายกฟ้องโจทก์ด้วย
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ลงชื่อ จำเลย
คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้านาย ป.จำเลยเป็นผู้เรียง
ลงชื่อ ผู้เรียงและพิมพ์